โป๊ปเลโอที่ 14 ประณามความโหดร้ายของสงครามและการใช้กำลังอย่างไม่เลือกหน้าของอิสราเอล หลังมีข่าวชาวปาเลสไตน์จำนวนมากถูกสังหารขณะรอรับเสบียงอาหาร
สำนักข่าวต่างประเทศรายงานว่า เมื่อวันอาทิตย์ที่ 20 ก.ค. 2568 สมเด็จพระสันตะปาปาเลโอที่ 14 ทรงประณามความโหดร้ายของสงครามในฉนวนกาซา และการใช้กำลังอย่างไม่เลือกหน้า หลังจากกระทรวงสาธารณสุขของกาซารายงานว่า มีชาวปาเลสไตน์ถูกสังหารขณะเข้าคิวรอรับเสบียงอาหารถึง 73 ศพ
กระทรวงสาธารณสุขระบุว่า ในวันอาทิตย์มีผู้เคราะห์ร้ายมากมายถูกสังหารในสถานที่ที่แตกต่างกัน ส่วนใหญ่อยู่ในภาคเหนือของฉนวนกาซา โดย 67 รายในจำนวนนี้ถูกทหารอิสราเอลยิงเสียชีวิตระหว่างรอรถบรรทุกขนเสบียงขององค์การสหประชาชาติวิ่งผ่านด่าน “ซิคิม” (Zikim) บริเวณชายแดนกาซากับอิสราเอล
โครงการอาหารโลกของสหประชาชาติ ระบุว่า ไม่นานหลังจากเข้าสู่ฉนวนกาซา ขบวนรถขนอาหาร 25 คันของพวกเขาพบกับประชาชนที่กำลังหิวโหยกลุ่มใหญ่ ก่อนที่คนกลุ่มนี้จะถูกยิงโจมตี
นายโมฮัมเหม็ด อาบู ซัลมิยา ผู้อำนวยการโรงพยาบาล อัล-ชีฟา บอกกับสำนักข่าว เอพี ว่า นับตั้งแต่เช้าวันอาทิตย์ โรงพยาบาลได้รับร่างผู้เสียชีวิตแล้ว 48 ศพ ขณะที่อีกกว่า 150 คนได้รับบาดเจ็บขณะพยายามขอเสบียงอาหารจากรถบรรทุกที่คาดว่าจะเข้าสู่กาซาผ่านด่านซิคิม อย่างไรก็ตาม เขาไม่ได้ระบุว่าผู้เสียชีวิตถูกใครโจมตี
ด้านกองกำลังป้องกันอิสราเอลระบุว่า ทหารยิงอาวุธเข้าใส่ชาวปาเลสไตน์หลายพันคนที่มารวมตัวกันในภาคเหนือของกาซา โดยอ้างว่าเป็นภัยคุกคาม และยอมรับว่าพวกเขารู้ว่ามีผู้บาดเจ็บและเสียชีวิตจำนวนหนึ่ง แต่จำนวนที่ทางการกาซารายงานนั้น สูงกว่าการสืบสวนเบื้องต้นของพวกเขามาก
ขณะเดียวกัน สมเด็จพระสันตะปาปาเลโอที่ 14 ตรัสที่ คาสเทล กันดอลโฟ ที่ประทับช่วงฤดูร้อนของพระองค์ เรียกร้องให้ยุติความโหดร้ายของสงครามในทันที และหาทางออกอย่างสงบให้แก่ความขัดแย้งนี้
...
โป๊ปเลโอที่ 14 แสดงความเสียใจต่อที่อิสราเอลโจมตีโดนโบสถ์คาทอลิกเพียงแห่งเดียวในฉนวนกาซาเมื่อสัปดาห์ก่อน ซึ่งทำให้มีผู้เสียชีวิต 3 ศพ บาดเจ็บอีก 10 ราย รวมถึงอธิการโบสถ์ ผู้เคยสนทนาทางโทรศัพท์กับโป๊ปฟรานซิส พระสันตะปาปาพระองค์ก่อนทุกวัน
“ข้าพเจ้าขอเรียกร้องไปถึงประชาคมนานาชาติให้ปฏิบัติตามกฎหมายมนุษยธรรม และเคารพพันธสัญญาในการปกป้องพลเรือน เช่นเดียวกับการห้ามการลงโทษแบบเหมารวม, การใช้กำลังอย่างไม่เลือกหน้า และการบังคับอพยพประชากร” โป๊ปเลโอที่ 14 ระบุ
ติดตามข่าวต่างประเทศ : https://www.thairath.co.th/news/foreign
ที่มา : the guardian