โดนัลด์ ทรัมป์ ให้สัมภาษณ์กับสำนักข่าว บีบีซี ในหลายประเด็น หนึ่งในนั้นคือเรื่องสงครามยูเครน ซึ่งนายทรัมป์กล่าวว่าเขาผิดหวังในตัว วลาดิเมียร์ ปูตินมาก แต่ยังไม่ตัดขาด

เมื่อวันอังคารที่ 15 ก.ค. 2568 โดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐฯ ให้สัมภาษณ์ทางโทรศัพท์กับสำนักข่าว บีบีซี โดยเขาระบุว่า ผิดหวังในตัววลาดิเมียร์ ปูติน ปมสงครามในยูเครน แต่ยังไม่ตัดขาด และเมื่อถูกถามว่าเขายังเชื่อใจผู้นำรัสเซียอยู่หรือไม่ นายทรัมป์ก็ตอบว่า “ผมแทบไม่เชื่อใจใครเลย”

นายทรัมป์ให้สัมภาษณ์กับ บีบีซี ไม่กี่ชั่วโมงหลังจากเขาประกาศแผนส่งอาวุธให้ยูเครนผ่านนาโต และเตือนว่าจะตั้งกำแพงภาษีรัสเซียอย่างหนัก หากรัสเซียไม่สามารถบรรลุข้อตกลงหยุดยิงในสงครามยูเครนภายใน 50 วัน

บีบีซีรายงานว่า นายทรัมป์เป็นฝ่ายที่โทรศัพท์มาหา และพูดคุยกับนาย แกรี โอโดโนฮิว หัวหน้าผู้สื่อข่าวภูมิภาคอเมริกาเหนือของบีบีซี เป็นเวลา 20 นาที หลังก่อนหน้านี้มีการพูดคุยกันถึงความเป็นไปได้ที่จะมีการสัมภาษณ์เนื่องในวันครบรอบ 1 ปีที่นายทรัมป์ถูกลอบยิงระหว่างการหาเสียงในเมืองบัตเลอร์ รัฐเพนซิลเวเนีย เมื่อ 13 ก.ค. 2567

เมื่อถามว่ารอดชีวิตจากความพยายามลอบสังหารในวันนั้น เปลี่ยนแปลงตัวเขาไปหรือไม่ นายทรัมป์กล่าวว่า เขาอยากคิดถึงเรื่องนี้ให้น้อยที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ “ผมไม่อยากคิดถึงเรื่องที่ว่ามันเปลี่ยนผมไปหรือไม่” ก่อนจะกล่าวต่อว่า “มันอาจเป็นเหตุการณ์เปลี่ยนชีวิต”

นายทรัมป์พูดถึงความผิดหวังในตัวผู้นำรัสเซียต่อ โดยระบุว่า เขาเคยคิดว่าข้อตกลงยุติสงครามในยูเครนมีโอกาสเกิดขึ้นได้อย่างน้อย 4 ครั้งแล้ว แต่สุดท้ายมันก็ไม่เกิดขึ้น และเมื่อถูกถามว่าเขาจบสิ้นกับปูตินแล้วหรือไม่ ผู้นำสหรัฐฯ ตอบว่า “ผมผิดหวังในตัวเขา แต่ผมยังไม่ตัดขาดกับเขา แต่ผมผิดหวังในตัวเขา”

...

เมื่อนักข่าวถามจี้ไปอีกว่า นายทรัมป์จะทำให้ปูตินหยุดการนองเลือดในยูเครนได้อย่างไร ประธานาธิบดีสหรัฐฯ ก็ตอบว่า “เรากำลังทำงานเรื่องนั้นอยู่ แกรี” “เรามีการสนทนาที่ยอดเยี่ยม ผมจะพูดว่า ‘ดีแล้ว ผมคิดว่าเราใกล้จะทำสำเร็จ’ แล้วจากนั้นเขา (ปูติน) ก็ถล่มตึกในกรุงเคียฟ”

การสนทนาขยับไปเรื่องนาโต ซึ่งนายทรัมป์เคยวิพากษ์วิจารณ์ว่าเป็นองค์กรล้าหลัง อย่างไรก็ตาม เขากล่าวระหว่างให้สัมภาษณ์ว่า ตอนนี้เขาไม่คิดว่ามันเป็นอย่างนั้นแล้ว นาโตกำลังกลายเป็นสิ่งตรงข้ามกับเรื่องนั้น (ความล้าหลัง) เพราะองค์กรพันธมิตรกลุ่มนี้กำลังจ่ายค่าใช้จ่ายของตัวเอง

นายทรัมป์กล่าวว่าเป็นเรื่องน่าอัศจรรย์ที่ผู้นำชาติสมาชิกนาโตตกลงจะเพิ่มการจ่ายเงินอุดหนุนงบประมาณกลาโหมเป็น 5% ของจีดีพีประเทศตัวเอง นอกจากนั้น เขายังคงเชื่อในเรื่องการป้องกันร่วมกัน เพราะมันหมายความว่า ประเทศที่เล็กกว่าจะสามารถป้องกันตัวเองจากประเทศที่ใหญ่กว่าได้

นายทรัมป์บอกด้วยว่า ผู้นำของประเทศต่างๆ รวมถึง เยอรมนี, ฝรั่งเศส และสเปน เริ่มเคารพเขาและการตัดสินใจของเขา ส่วนหนึ่งเป็นเพราะผู้นำโลกเชื่อว่า ต้องใช้ความสามารถอย่างมากในการได้รับเลือกตั้งเป็นประธานาธิบดีถึง 2 ครั้ง

เมื่อถูกถามว่า ผู้นำโลกพยายามยกยอนายทรัมป์อย่างออกนอกหน้าหลายครั้งหรือไม่ ผู้นำสหรัฐฯ ก็ตอบว่า เขารู้สึกว่าพวกเขาแค่พยายามทำดีด้วยมากกว่า

จากนั้นนายทรัมป์พูดถึงเรื่องนโยบายภายในประเทศ โดยประธานาธิบดีสหรัฐฯ ระบุว่า เขาทำงานได้อย่างดีเยี่ยมในเรื่องการจัดการกับผู้อพยพเข้าประเทศอย่างผิดกฎหมายที่ชายแดนสหรัฐฯ-เม็กซิโก ซึ่งเป็นหนึ่งในคำมั่นสำคัญหลักในการหาเสียงของเขา โดยจำนวนคนเข้าเมืองผิดกฎหมายที่ชายแดนต่ำสุดเป็นประวัติกาลในเดือนแรกหลังเขารับตำแหน่ง

“ที่จริงผมทำมากกว่าที่ผมสัญญาเอาไว้เสียอีก” นายทรัมป์กล่าว โดยตอนนี้รัฐบาลของเขาเปลี่ยนไปให้ความสนใจเรื่องการจำแนก, การกักกัน และการเนรเทศผู้อพยพทั่วสหรัฐฯ ที่อยู่ในประเทศอย่างผิดกฎหมาย

เมื่อถูกถามว่า ระดับการเนรเทศจำนวนเท่าใดที่เรียกได้ว่าประสบความสำเร็จ? นายทรัมป์ตอบว่า เขาไม่ได้กำหนดตัวเลขเอาไว้ เขาต้องการนำตัวอาชญากรออกไปโดยเร็วที่สหรัฐฯ และรัฐบาลก็กำลังทำตามนั้น

“เราส่งพวกเขาไปเอลซัลวาดอร์ กับที่อื่นๆ อีกหลายแห่ง” นายทรัมป์กล่าว โดยพูดถึงการส่งตัวผู้อพยพที่ทำเนียบขาวเรียกว่าเป็นสมาชิกแก๊งอาชญากรรม ไปคุมขังในเรือนจำที่เอลซัลวาดอร์ จนกลายเป็นประเด็นถกเถียงอย่างหนักในสหรัฐฯ จนกระทั่งศาลสูงสุดมีคำตัดสินว่า รัฐบาลสามารถเนรเทศผู้อพยพไปประเทศที่ 3 ได้

นายทรัมป์ยังชื่นชมความสำเร็จในการผ่านร่างกฎหมายการใช้จ่ายและภาษี หรือที่รู้จักกันในชื่อ “กฎหมายอันยิ่งใหญ่และงดงาม” (OBBB) “เรามีการลดหย่อนภาษีครั้งใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์”

เมื่อถูกถามว่า เขาจะนิยามมรดกการเป็นประธานาธิบดีของตัวเองว่าอย่างไร นายทรัมป์ตอบว่า “กอบกู้อเมริกา” “ผมคิดว่าตอนนี้อเมริกาเป็นประเทศที่ยิ่งใหญ่ จากที่เมื่อปีก่อนมันเป็นประเทศที่ตายแล้ว”


ติดตามข่าวต่างประเทศ : https://www.thairath.co.th/news/foreign


ที่มา : bbc