ฝนตกหนักทำให้เกิดน้ำท่วมฉับพลันในหลายรัฐของสหรัฐฯ เบื้องต้นพบผู้เสียชีวิต 2 ศพที่รัฐนิวเจอร์ซีย์ ขณะที่สถานีรถไฟใต้ดินในนิวยอร์กหลายแห่งถูกน้ำท่วมสูง

สำนักข่าวต่างประเทศรายงานว่า มีผู้เสียชีวิตแล้วอย่างน้อย 2 ศพ หลังเกิดเหตุน้ำท่วมฉับพลันในรัฐนิวเจอร์ซีย์ และหลายพื้นที่ในภาคตะวันออกเฉียงเหนือกับภูมิภาคมิดแอตแลนติกของสหรัฐฯ หลังเกิดฝนตกหนักเมื่อคืนวันจันทร์ที่ 14 ก.ค. 2568 ที่ผ่านมาตามเวลาท้องถิ่น

นอกจากนิวเจอร์ซีย์แล้ว พายุฝนยังทำให้เกิดน้ำท่วมในหลายพื้นที่ของรัฐนิวยอร์ก, ตอนกลางของรัฐเวอร์จิเนีย โดยน้ำปริมาณมหาศาลไหลลงสู่สถานีรถไฟใต้ดินหลายแห่งจนท่วมสูง ส่งผลให้รถไฟไม่สามารถเคลื่อนที่ได้ ขณะที่ทางการท้องถิ่นต้องประกาศภาวะฉุกเฉิน

สำนักงานบริการสภาพอากาศแห่งชาติ (NWS) ของสหรัฐฯ ระบุว่า คำสั่งเฝ้าระวังและเตือนภัยน้ำท่วมยังคงส่งผลในเกือบทุกพื้นที่ของรัฐเวอร์จิเนีย, แมรีแลนด์ และวอชิงตัน ดี.ซี. ตลอดจนถึงช่วงเย็นวันอังคาร (15 ก.ค.)

NWS พยากรณ์ด้วยว่า จะมีพายุฝนฟ้าคะนองกระจายในภาคตะวันออกและกลางของสหรัฐฯ ไปจนถึงวันพฤหัสบดีนี้ (17 ก.ค.) ซึ่งอาจทำให้เกิดฝนตกหนักและน้ำท่วมฉับพลันเพิ่มเติมอีก

ที่รัฐนิวเจอร์ซีย์ พบผู้เสียชีวิต 2 ศพที่เมืองเพลนฟีลด์ หลังจากรถยนต์ที่พวกเขาโดยสารถูกน้ำท่วมฉับพลันซัดลงไปในแม่น้ำ ซีดาร์ บรูก (Cedar Brook) ท่ามกลางฝนตกหนัก ถึงแม้ว่าเจ้าหน้าที่ฉุกเฉินจะเข้าให้ความช่วยเหลือภายในเวลาไม่นาน แต่ก็ไม่สามารถช่วยชีวิตผู้ประสบภัยทั้งสองคนเอาไว้ได้

นายฟิล เมอร์ฟี ผู้ว่าการรัฐนิวเจอร์ซีย์ ประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินในคืนวันจันทร์ที่ผ่านมา หลังเกิดน้ำท่วมฉับพลันและฝนตกหนักในหลายพื้นที่ของรัฐ ขณะที่ถนนหมายเลข 22 และ 28 ซึ่งเชื่อมระหว่างเขตซัมเมอร์เซต เคาน์ตี กับมิดเดิลเซกซ์ เคาน์ตี ถูกปิดทั้งสองเส้นทาง เพื่อซ่อมแซมฉุกเฉินและเก็บกวาดเศษซากความเสียหายจากพายุ

...

บริการรถประจำทางหลายสายและรถไฟอย่างน้อย 1 สายในนิวเจอร์ซีย์ต้องเปลี่ยนเส้นทางหรือล่าช้าในช่วงเช้าวันพุธ เนื่องจากน้ำท่วม

ส่วนที่นครนิวยอร์กและพื้นที่ข้างเคียง บริการรถไฟใต้ดินบางเส้นทางประสบปัญหาล่าช้าในช่วงเช้าวันอังคาร ซึ่งเป็นชั่วโมงเร่งด่วน และบางสายต้องถูกยกเลิกเนื่องจากน้ำท่วม ท่ามกลางคลิปวิดีโอที่เผยแพร่บนโลกออนไลน์ แสดงให้เห็นว่ามีน้ำท่วมสูงที่ชานชาลาและทางรถไฟ ก่อนที่บริการจะเริ่มฟื้นตัวกลับมา


ติดตามข่าวต่างประเทศ : https://www.thairath.co.th/news/foreign


ที่มา : yahoo