นายกรัฐมนตรีฮุน มาเนต กล่าวเมื่อวันจันทร์ (14 ก.ค.) ว่ากองทัพกัมพูชาจะเริ่มเกณฑ์พลเรือนในปีหน้า และเสริมว่าความตึงเครียดที่เพิ่มสูงขึ้นกับไทยเป็นสาเหตุของการบังคับใช้กฎหมายเกณฑ์ทหารภาคบังคับซึ่งถูกระงับใช้มานาน 

ความสัมพันธ์กับประเทศไทยเกิดความตึงเครียดมาตั้งแต่เดือนพฤษภาคม ซึ่งข้อพิพาทเรื่องดินแดนที่ยืดเยื้อมายาวนานได้ลุกลามกลายเป็นการปะทะข้ามพรมแดน ทำให้ทหารกัมพูชาเสียชีวิตหนึ่งนาย

ฮุน มาเนต กล่าวว่า "การเผชิญหน้าครั้งนี้เป็นบทเรียนสำหรับเรา และเป็นโอกาสให้เราได้ทบทวน ประเมิน และกำหนดเป้าหมายเพื่อปฏิรูปกองทัพของเรา"  

เขากล่าวในพิธีที่ศูนย์ฝึกอบรมทหารราบหลวงในจังหวัดกำปงชนังว่า กฎหมายการเกณฑ์ทหารของกัมพูชา ถูกประกาศใช้เมื่อวันที่ 22 ธันวาคม พ.ศ.2549 ประกอบด้วย 6 บท 18 มาตรา กำหนดให้ชายกัมพูชา อายุ 18-30 ปี ต้องเข้ารับการเกณฑ์ทหาร ส่วนผู้หญิงก็สมามารถเข้ารับการเกณฑ์ทหารได้ตามความสมัครใจ

เดิมทีกัมพูชามีกฎหมายนี้อยู่แล้ว แต่ไม่ได้บังคับใช้อย่างจริงจัง โดยในทางปฏิบัติ มีเพียงประมาณ 20% ของชายวัย 18 – 30 ที่ถูกเรียกเกณฑ์ทหารจริง เนื่องจากรัฐบาลขาดแคลนงบประมาณและอาวุธ ในการรองรับทหารเกณฑ์จำนวนมาก จึงคัดเลือกเฉพาะกลุ่มและเรียกมาฝึกจริงจำนวนน้อยกว่าที่กฎหมายกำหนด 

ฮุน มาเนต กล่าวว่า ระยะเวลาการรับราชการจะขยายจาก 18 เดือน ตามที่ระบุไว้ในกฎหมายดังกล่าวเป็น 24 เดือน  การกลับมาใช้กฎหมายบังคับเกณฑ์ทหารในครั้งนี้ของกัมพูชา มีวัตถุประสงค์หลัก 2 ประการคือ เพื่อเพิ่มจำนวนทหารที่ผ่านการฝึกอบรม และเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการรับราชการทหาร ให้แน่ใจว่ากัมพูชาจะมีกำลังพลสำรองที่มีคุณภาพเพียงพอ และสิ่งสำคัญที่สุดคือประสิทธิผล หลังจากเสร็จสิ้นการรับราชการทหารภาคบังคับ 2 ปีแล้ว ผู้ถูกเกณฑ์ทหารสามารถเลือกได้ว่าจะกลับไปใช้ชีวิตแบบพลเรือน หรือสมัครเข้ารับราชการทหารอาชีพได้โดยสมัครใจ

...

นายฮุน มาเนต ยังชี้ว่า นโยบายนี้จะสร้างพลเมืองคุณภาพให้กับสังคม เพราะผู้ที่ผ่านการเกณฑ์ทหารและไม่ได้เป็นทหารอาชีพต่อ จะกลับสู่สังคมในฐานะบุคคลที่มีระเบียบวินัย แทนที่จะกลายเป็นภาระหรือภัยคุกคามต่อสังคม

เขายังให้คำมั่นว่าจะพิจารณาเพิ่มงบประมาณด้านกลาโหมของกัมพูชา เขากล่าวเสริมว่า "การป้องกันประเทศ การสร้างกองทัพของเรา ไม่ใช่การรุกรานดินแดนของใคร แต่เป็นการปกป้องดินแดนของเรา" 

ทหารกัมพูชาเสียชีวิตจากการยิงต่อสู้ในพื้นที่พิพาทที่รู้จักกันในชื่อสามเหลี่ยมมรกต ซึ่งเป็นจุดที่พรมแดนของทั้งสองประเทศและลาวมาบรรจบกัน เหตุการณ์ดังกล่าวทำให้ความสัมพันธ์ระหว่างกัมพูชาและไทยถูกบั่นทอนลง ส่งผลให้มีการปิดด่านชายแดน เนื่องจากกัมพูชาห้ามนำเข้าเชื้อเพลิงและก๊าซจากประเทศไทย.

ที่มา  CNA  Khmer Times