รัฐบาลกัมพูชาเผย ได้รีบส่งอีเมลถึงผู้แทนการค้าสหรัฐฯ ขอต่อรองลดภาษีให้ทันก่อนเส้นตาย 1 สิงหาคม หลังเจอภาษี 36% ที่แม้ลดจาก 49% แต่ยังสูงกว่าคู่แข่งอย่างเวียดนาม วอนประชาชนเชื่อมั่น

วันที่ 8 กรกฎาคม 2568 นายซุน จันทอล รองนายกรัฐมนตรีและรองประธานสภาเพื่อการพัฒนากัมพูชา ในฐานะหัวหน้าคณะเจรจาการค้ากับสหรัฐฯ แถลงต่อสื่อมวลชนว่า รัฐบาลกำลังเร่งเจรจากับประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ เพื่อขอลดอัตราภาษีนำเข้าสินค้ากัมพูชาที่กำลังจะมีผลในวันที่ 1 สิงหาคมนี้ ซึ่งปัจจุบันอยู่ที่ 36% แม้จะลดลงจากเดิมที่ตั้งไว้ 49% แต่ยังสูงกว่าประเทศเพื่อนบ้านหลายประเทศ

นายจันทอลกล่าวว่า ได้ส่งอีเมลถึงผู้แทนการค้าสหรัฐฯ เพื่อขอเจรจารอบใหม่ แม้เป็นการประชุมออนไลน์ก็ตาม โดยย้ำว่าจะทำเต็มที่เพื่อปกป้องผลประโยชน์ของนักลงทุนและแรงงาน ขอให้ประชาชนเชื่อมั่นในรัฐบาล ซึ่งกำลังพยายามเจรจาอย่างถึงที่สุดเพื่อให้ภาษีต่ำลง 

ทางด้านศาสตราจารย์โสภาล เอียร์ นักวิจัยด้านการจัดการภาครัฐระหว่างประเทศชี้ว่า อัตราภาษี 36% แม้จะลดลงจากเดิมถึง 26.5% แต่ยังคงส่งผลกระทบต่ออุตสาหกรรมหลักอย่าง เสื้อผ้า รองเท้า และสินค้าท่องเที่ยว ซึ่งพึ่งพาตลาดผู้บริโภคชาวอเมริกันเป็นหลัก โดยบอกว่าอุตสาหกรรมเหล่านี้มีอัตรากำไรต่ำ การขึ้นภาษีจะกระทบโดยตรงต่อแรงงาน โดยเฉพาะแรงงานหญิงในชนบท 

ทางด้านนายชยันต์ เมนอน นักวิชาการจาก ISEAS–Yusof Ishak Institute เสริมว่า การเจรจาอาจถึงทางตัน เพราะกัมพูชาอาจยอมอ่อนข้อไปมากแล้ว จนถึงขั้นอาจไม่มีข้อเสนออื่นให้แลกเปลี่ยนอีกแล้ว

ขณะเดียวกันนายกาเบรียล ฟายา ประธานหอการค้าแห่งยุโรปในกัมพูชา เตือนว่า หากผู้ซื้อในสหรัฐฯ ถอนตัว กัมพูชาอาจเสียรายได้การส่งออกหลายพันล้านดอลลาร์ และส่งผลกระทบต่อแรงงานหญิงจำนวนมหาศาล

...

เช่นเดียวกับชวน วานดาสัมบัธ จากศูนย์วิจัยภูมิภาคกัมพูชา (CCRS) ระบุว่า ความเสี่ยงนี้สะท้อนปัญหาโครงสร้างเศรษฐกิจกัมพูชาที่พึ่งพาการส่งออกมากเกินไป พร้อมแนะนำให้รัฐบาลกระจายตลาดและเร่งพัฒนาคุณภาพสินค้าและบรรจุภัณฑ์

นักวิชาการหลายฝ่ายเห็นพ้องว่า กัมพูชาต้องปรับยุทธศาสตร์เศรษฐกิจครั้งใหญ่ ไม่เพียงแต่เร่งเจรจากับสหรัฐฯ แต่ต้องลงทุนในทักษะแรงงาน ระบบโลจิสติกส์ และขยายตลาดใหม่ โดยเฉพาะจีนและยุโรปผ่านโครงการ EBA (Everything But Arms).

ที่มา Cambodianess

ภาพ Facebook/Chanthol Sun DPM