เอ็มมานูเอล มาครง ผู้นำฝรั่งเศส คุยกับวลาดิเมียร์ ปูติน ผู้นำรัสเซียผ่านทางโทรศัพท์ โดยหารือกันทั้งเรื่องอิหร่านและยูเครน โดยมาครงเรียกร้องให้รัสเซียหยุดยิงและเริ่มการเจรจา

สำนักข่าวรอยเตอร์ส รายงานว่า เมื่อวันอังคารที่ 1 ก.ค. 2568 รัฐบาลเครมลินของรัสเซียออกมาเปิดเผยว่า ประธานาธิบดี วลาดิเมียร์ ปูติน มีการสนทนาทางโทรศัพท์อย่างมีแก่นสารกับประธานาธิบดี เอ็มมานูเอล มาครง แห่งฝรั่งเศส เรื่องความขัดแย้งระหว่างอิหร่านกับอิสราเอล และเรื่องสงครามยูเครน

นี่นับเป็นครั้งแรกในรอบเกือบ 3 ปีที่ผู้นำทั้งสองคุยกันโดยตรง โดยสำนักงานของนายมาครงในกรุงปารีสระบุว่า การสนทนากินระยะเวลา 2 ชั่วโมง และผู้นำฝรั่งเศสได้เรียกร้องให้รัสเซียหยุดยิงในยูเครน และเริ่มการเจรจาเพื่อยุติความขัดแย้งในทันที

รอยเตอร์สยังรายงานอ้างแหล่งข่าวในหน่วยงานการทูตของฝรั่งเศสด้วยว่า มาครงได้คุยกับนายโวโลดีเมียร์ เซเลนสกี ประธานาธิบดียูเครนก่อนที่จะสนทนากับนายปูติน นอกจากนั้นเขายังได้คุยกับประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ แห่งสหรัฐฯ เรื่องการพูดคุยกับผู้นำรัสเซียด้วย

ทั้งนี้ ตามการเปิดเผยของรัฐบาลเครมลิน นายปูตินบอกกับนายมาครงว่า เป็นเรื่องจำเป็นที่ต้องเคารพสิทธิ์ของอิหร่านในการพัฒนาพลังงานนิวเคลียร์อย่างสงบ รวมถึงการปฏิบัติการข้อบังคับของสนธิสัญญาไม่แพร่ขยายอาวุธนิวเคลียร์ (NPT)

ส่วนนายมาครง ซึ่งมองว่าภัยคุกคามด้านนิวเคลียร์จากอิหร่านนั้นรุนแรงพอเป็นเหตุผลที่ชอบธรรม ให้ชาติสมาชิกถาวรของคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ (UNSC) เข้ามามีส่วนร่วม ได้เน้นย้ำถึงความจำเป็นที่อิหร่านจะต้องให้ความร่วมมืออย่างเต็มที่กับทบวงพลังงานปรมาณูระหว่างประเทศ (IAEA)

เมื่อเดือนก่อน รัฐสภาอิหร่านเพิ่งอนุมัติร่างกฎหมายเพื่อระงับความร่วมมือกับ IAEA หลังอิสราเอลกับอิหร่านโจมตีโรงงานนิวเคลียร์ของพวกเขา โดยอ้างว่าเพื่อป้องกันไม่ให้อิหร่านได้ครอบครองอาวุธนิวเคลียร์ ซึ่งฝ่ายเตหะรานยืนยันว่าไม่ได้สร้าง

...

ในส่วนของยูเครน นายปูตินกล่าวย้ำจุดยืนของตัวเองกับนายมาครงว่า สงครามเป็นผลลัพธ์โดยตรงจากนโยบายของชาติตะวันตก ซึ่งเพิกเฉยต่อผลประโยชน์ทางความมั่นคงของรัสเซียตลอดช่วงหลายปีที่ผ่านมา และข้อตกลงสันติภาพใดๆ ระหว่างรัสเซียกับยูเครนควรครอบคลุมและมีระยะยาว และต้องอยู่บนพื้นฐานของความเป็นจริงด้านอาณาเขตใหม่

ก่อนหน้านี้ นายปูตินเคยพูดว่า ยูเครนต้องยอมรับการควบรวมดินแดนขนาดใหญ่ทางตะวันออกเป็นส่วนหนึ่งในข้อตกลงสันติภาพใดๆ

อย่างไรก็ตาม นายมาครงกล่าวว่า ยูเครนควรเป็นผู้เดียวที่ตัดสินใจว่าจะยอมรับเรื่องดินแดนหรือไม่ พร้อมทั้งกล่าวย้ำเรื่องการสนับสนุนที่ไม่หวั่นไหวของฝรั่งเศสที่มีต่ออธิปไตยและบูรณภาพแห่งดินแดนของยูเครน

ติดตามข่าวต่างประเทศ : https://www.thairath.co.th/news/foreign

ที่มา : reuters