สื่อต่างประเทศรายงานข่าว แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรีของไทย ถูกศาลรัฐธรรมนูญสั่งหยุดปฏิบัติหน้าที่ระหว่างรอพิจารณาเรื่องการฟ้องร้องถอดถอนกรณีคลิปเสียงคุยกับสมเด็จฯ ฮุน เซน

เมื่อวันที่ 1 ก.ค. 2568 ศาลรัฐธรรมนูญของไทยมีคำตัดสินเป็นเอกฉันท์ (9 ต่อ 0) รับคำร้องของ ส.ว. 36 คน ซึ่งยื่นฟ้องร้องถอดถอน น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรีไทย กรณีคลิปเสียงคุยกับสมเด็จฯ ฮุน เซน หลุด และมีมติ 7 ต่อ 2 สั่งให้ น.ส.แพทองธารหยุดปฏิบัติหน้าที่ตั้งแต่วันนี้จนกว่าศาลจะมีคำวินิจฉัยเรื่องการถอดถอน

คลิปเสียงดังกล่าวเป็นการสนทนาทางโทรศัพท์ระหว่าง น.ส.แพทองธารกับสมเด็จฯ ฮุน เซน ประธานวุฒิสภากัมพูชา เมื่อ 15 มิ.ย.ที่ผ่านมา โดยมีจุดประสงค์เพื่อลดความตึงเครียดบริเวณชายแดนของทั้งสองประเทศ แต่ระหว่างพูดคุย นายกรัฐมนตรีไทยเรียกสมเด็จฯ ฮุน เซน อย่างสนิทสนมว่าลุง ขณะที่กล่าวโจมตีแม่ทัพภาคที่ 2 โดยระบุว่าเป็นฝั่งตรงข้าม

บทสนทนาที่หลุดออกมาทำให้เกิดกระแสความไม่พอใจขึ้นเป็นวงกว้างในประเทศไทย ในขณะที่รัฐบาลผสมของ น.ส.แพทองธารต้องเสียพรรคร่วมขนาดใหญ่อย่างพรรคภูมิใจไทย จากความขัดแย้งเรื่องตำแหน่งรัฐมนตรี ส่งผลให้รัฐบาลมีคะแนนเสียงในสภาเกินเสียงข้างมากเพียงเล็กน้อยเท่านั้น ท่ามกลางการประท้วงเรียกร้องให้เธอลาออก

สำนักข่าว แชนเนลนิวส์เอเชีย ระบุว่า วิบากกรรมที่เกิดขึ้นกับ น.ส.แพทองธาร หลังจากดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีได้เพียง 10 เดือนเท่านั้น ตอกย้ำให้เห็นการแย่งชิงอำนาจระหว่างฝ่ายตระกูลชินวัตรกับฝ่ายอิทธิพลซึ่งได้รับการสนับสนุนจากกองทัพ ซึ่งเป็นไม่เบื่อไม่เมากันมานานกว่า 20 ปี

การรับศึกหนักของ น.ส.แพทองธารยังแสดงให้เห็น อำนาจที่เสื่อมถอยลงของพรรคเพื่อไทย ของตระกูลชินวัตร ซึ่งได้รับคะแนนเสียงเลือกตั้งมากมายมาตั้งแต่ปี 2544 เคยถูกกองทัพรัฐประหารยึดอำนาจและถูกคำสั่งศาลล้มรัฐบาลและนายกรัฐมนตรีมาแล้วหลายคน

...

สิ่งที่เกิดขึ้นนับเป็นประสบการณ์ครั้งแรกสำหรับมือใหม่ทางการเมืองอย่าง น.ส.แพทองธาร ซึ่งถูกดันขึ้นมาเป็นนายกรัฐมนตรีผู้มีอายุน้อยที่สุดในประวัติศาสตร์ไทยที่ 38 ปี แทนที่นายเศรษฐา ทวีสิน ผู้ถูกศาลรัฐธรรมนูญถอดถอน ข้อหาละเมิดจริยธรรมจากการที่เขาแต่งตั้งผู้ที่เคยต้องโทษจำคุกรับตำแหน่งรัฐมนตรี

นอกจากปัญหาทางการเมืองและปัญหากับประเทศเพื่อนบ้านแล้ว รัฐบาลของ น.ส.แพทองธารยังต้องดิ้นรนเพื่อเอาชีวิตรอดจากปัญหาเศรษฐกิจ ขณะที่ความนิยมของเธอดิ่งลงอย่างรวดเร็ว โดยโพลสำรวจความคิดเห็นระหว่างวันที่ 19-25 มิ.ย. ชี้ว่า คะแนนการยอมรับในการทำงานของเธอลดลงจาก 30.9% ในเดือนมีนาคม เหลือเพียง 9.2% เท่านั้น

ไม่เพียงแต่ น.ส.แพทองธารเท่านั้นที่กำลังลำบาก นายทักษิณ ชินวัตร บิดาผู้ทรงอิทธิพลของเธอและเป็นกำลังขับเคลื่อนสำคัญเบื้องหลังรัฐบาล ก็กำลังเผชิญการฟ้องร้องทางกฎหมาย ทั้งข้อกล่าวหาเรื่องการหมิ่นพระบรมเดชานุภาพ และข้อกล่าวหาเรื่องที่เขาไปอยู่โรงพยาบาลแทนที่จะอยู่ในเรือนจำตามโทษจำคุก

ติดตามข่าวต่างประเทศ : https://www.thairath.co.th/news/foreign

ที่มา : cna