- สัปดาห์ที่ผ่านมา นับเป็นสัปดาห์แห่งชัยชนะของ โดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐฯ ทั้งเรื่องในประเทศและในต่างประเทศ
- นายทรัมป์ผลักดันการหยุดยิงระหว่างอิสราเอลกับอิหร่านได้สำเร็จ ไม่กี่วันหลังจากสหรัฐฯ เพิ่งทิ้งบอมบ์ถล่มโรงงานนิวเคลียร์ของอิหร่าน ซึ่งเป็นสิ่งที่อาจทำให้สหรัฐฯ ถูกลากเข้าสู่สงครามระยะยาว
- ส่วนในประเทศ ศาลสูงสุดยังมีคำตัดสินที่ทำให้คำสั่งของเขาถูกขัดขวางได้ยากขึ้น ทำให้เขาสามารถดำเนินนโยบายที่เคยถูกศาลชั้นต้นระงับไว้ได้ ซึ่งประธานาธิบดีสหรัฐฯ ระบุว่า นี่เป็นชัยชนะครั้งใหญ่
สัปดาห์นี้ถือเป็นสัปดาห์แห่งชัยชนะของ โดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐฯ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องภายในหรือภายนอกประเทศก็ตาม
นายทรัมป์เริ่มต้นสัปดาห์ด้วยการประกาศการตกลงหยุดยิงระหว่างอิสราเอลกับอิหร่าน ถึงแม้ว่าช่วงแรกการหยุดยิงจะกระท่อนกระแท่นจนเขาเผลอสบถต่อหน้านักข่าว แต่สุดท้าย ทั้งสองฝ่ายก็เคารพการหยุดยิง การต่อสู้ที่ดำเนินมานาน 12 วันจึงได้สงบลง
ขณะเดียวกันในสหรัฐฯ ศาลสูงสุดก็ตัดสินคดีเข้าข้างนายทรัมป์เป็นครั้งที่ 2 ทำให้คำสั่งของเขามีอำนาจมากยิ่งขึ้น ทำให้ประธานาธิบดีสหรัฐฯ อารมณ์ดีจนตอบคำถามนักข่าวนานกว่า 1 ชั่วโมง ในงานแถลงข่าวซึ่งกลายเป็นการทบทวนความสำเร็จของตัวเขาเองไป
แต่ถึงแม้จะชนะต่อเนื่อง แต่ยังมีอีกหลายเรื่องที่ไม่ได้รับการแก้ไข สิ่งที่จะเกิดขึ้นในช่วงประมาณ 10 วันข้างหน้า ทั้งภายในและต่างประเทศ อาจกลายเป็นสิ่งที่นิยามการเป็นประธานาธิบดีสหรัฐฯ สมัยที่ 2 ของโดนัลด์ ทรัมป์
...
หยุดสงครามอิสราเอล-อิหร่าน
นายทรัมป์ส่งฝูงบินทิ้งระเบิดออกไปโจมตีโรงงานนิวเคลียร์ของอิหร่านถึง 3 แห่ง เมื่อ 21 มิ.ย.ที่ผ่านมา ก่อนที่ 3 วันหลังจากนั้นเขาจะประกาศการหยุดยิงอย่างเต็มรูป ยุติสงคราม 12 วันระหว่างอิสราเอลกับอิหร่าน
ทว่าในตอนที่การหยุดยิงควรจะเริ่มขึ้น อิสราเอลกับอิหร่านต่างกล่าวหาอีกฝ่ายว่าละเมิดข้อตกลง จนนายทรัมป์ต้องออกโรงตำหนิทั้งสองประเทศด้วยความโกรธเกรี้ยว ถึงขั้นสบถออกมาต่อหน้านักข่าวที่สวนของทำเนียบข่าว สถานการณ์จึงเริ่มสงบลง
แต่ดีใจได้ไม่นาน อิหร่านก็เปิดฉากโจมตีฐานทัพสหรัฐฯ ใกล้กับกรุงโดฮา ประเทศกาตาร์ จนทำให้เกิดกระแสความกังวลว่า การโจมตีครั้งนี้จะทำให้สหรัฐฯ ตอบโต้ และจะกลายเป็นการขยายพื้นที่สงครามให้ครอบคลุมไปทั่วทั้งอ่าวเปอร์เซียหรือไม่ แต่จนแล้วจนรอด สหรัฐฯ ก็ไม่ได้ตอบโต้ พวกเขายืนยันว่า การโจมตีไม่สร้างความเสียหาย เพราะอิหร่านบอกล่วงหน้าแล้ว
ตอนนี้ โดนัลด์ ทรัมป์ สามารถพูดได้อย่างเต็มปากว่า การเสี่ยงเดิมพันของเขาด้วยการโจมตีอิหร่านนั้น ได้ผล และเป็นชัยชนะครั้งสำคัญสำหรับตัวเขาเองที่พยายามเสนอตัวเป็นผู้สร้างสันติภาพทั้งในกาซา และในยูเครน
นาโตเพิ่มงบฯ กลาโหม
ความสำเร็จเรื่องอิหร่านของนายทรัมป์ ต่อด้วยการเดินทางเยือนกรุงเฮก เพื่อเข้าร่วมการประชุมสุดยอดผู้นำชาติสมาชิกนาโต โดยนายมาร์ก รุทเทอ เลขาธิการนาโตส่งข้อความชื่นชมมากมายให้แก่เขา ซึ่งประธานาธิบดีสหรัฐฯ ยิ่งกว่ายินดีที่จะเปิดเผยเรื่องนี้ต่อสาธารณะ
ที่การประชุม นายทรัมป์ยังได้รับชัยชนะอีกครั้ง เมื่อชาติสมาชิกนาโตให้คำมั่นร่วมกันว่า พวกเขาจะเพิ่มการสมทบทุนเข้าสู่งบประมาณด้านกลาโหมของนาโตจาก 2% เป็น 5% ของจีดีพีประเทศตัวเองภายในปี 2578 ซึ่งเป็นสิ่งที่ประธานาธิบดีสหรัฐฯ เรียกร้องมานาน และถึงขั้นเคยขู่ถอนตัวจากนาโตหากเรื่องนี้ไม่เกิดขึ้น
ในการแถลงข่าวร่วม นายรุทเทอพูดติดตลกเรียกนายทรัมป์ว่า “ป๊ะป๋า” (Daddy) สื่อถึงการที่เขาสามารถผลักดันการหยุดยิงระหว่างอิสราเอลกับอิหร่านได้สำเร็จ และดูเหมือนนายทรัมป์จะชอบคำนี้มาก หลังจากกลับถึงสหรัฐฯ ทำเนียบขาวก็โพสต์วิดีโอภาพนายทรัมป์ท่าทางองอาจอย่างผู้ชนะ พร้อมกับแนบข้อความว่า “ป๊ะป๋ากลับมาแล้ว”
...
ศาลสูงสุดให้อำนาจเพิ่ม
สัปดาห์ของนายทรัมป์จบลงด้วยข่าวดีที่ว่า ศาลสูงสุดแห่งสหรัฐอเมริกาออกคำสั่งจำกัดอำนาจของผู้พิพากษา ไม่ให้สามารถขัดขวางคำสั่งของประธานาธิบดีแบบมีผลทั่วประเทศได้
ถึงแม้ว่าคำตัดสินดังกล่าวจะเป็นผลมาจากการสู้คดีว่านายทรัมป์สามารถยุติการให้สัญชาติแต่กำเนิดแก่ลูกของผู้อพยพหรือไม่ แต่การบังคับใช้กลับมีผลอย่างครอบคลุม มันจะทำให้ศาลระดับต่ำกว่าท้าทายนโยบายภายในประเทศของนายทรัมป์ได้ยากขึ้น
ในงานแถลงข่าวที่เกิดขึ้นหลังจากนั้น นายทรัมป์ยกย่องคำตัดสินนี้ว่าเป็นชัยชนะครั้งยิ่งใหญ่สำหรับรัฐธรรมนูญ, การแบ่งแยกอำนาจ และกฎหมาย โดยนายทรัมป์อารมณ์ดีอย่างชัดเจน ใบหน้าเปื้อนรอยยิ้ม ทั้งยิงมุกตลกและเชิญชวนให้นักข่าวถามคำถามต่อ
คำตัดสินนี้ยังทำให้นายทรัมป์สามารถดำเนินนโยบายหลายๆ อย่างที่ถูกคำสั่งระงับของศาลชั้นต้นขวางเอาไว้ รวมถึงเรื่องการระงับการให้เงินทุนแก่เมืองที่ขัดขวางการเนรเทศผู้อพยพผิดกฎหมายครั้งใหญ่ของเขา, การระงับการตั้งถิ่นฐานใหม่ของผู้อพยพ และการป้องกันไม่ให้เงินภาษีถูกนำไปใช้เพื่อการผ่าตัดเกี่ยวกับเรื่องเพศ
“นี่เป็นชัยชนะครั้งมโหฬาร และเราชนะครั้งมโหฬารมากหลายครั้งแล้ว” นายทรัมป์กล่าวในตอนท้ายของการแถลงข่าว “แต่นี่เป็นชัยชนะครั้งมโหฬารในวันนี้”
ใกล้ถึงเส้นตายกำแพงภาษีแต่ข้อตกลงยังไม่เสร็จ
ตอนที่นายทรัมป์ประกาศมาตรการที่เขาเรียกว่า “ภาษีต่างตอบแทน” (reciprocal tariff) เมื่อช่วงต้นปีที่ผ่านมา เขากำหนดว่า 8 ก.ค.เป็นเส้นตายให้แต่ละประเทศทำข้อตกลงทางการค้ากับสหรัฐฯ เพื่อหลีกเลี่ยงภาษีดังกล่าว แต่จนถึงตอนนี้ มีการลงนามข้อตกลงเพียง 1 ฉบับเท่านั้น ส่วนที่เหลือยังคงไม่รู้ชะตากรรม
นายทรัมป์ประกาศผ่าน Truth Social เมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมาว่า เขาหยุดการเจรจาการค้าทั้งหมดกับแคนาดาแล้ว เนื่องจากไม่พอใจภาษีบริการดิจิตอลใหม่ ซึ่งจะส่งผลกระทบต่อบริษัทเทคโนโลยียักษ์ใหญ่ของสหรัฐฯ หลายเจ้า เขายังบอกในสัปดาห์นี้ด้วยว่า บรรลุข้อตกลงกับจีนแล้ว แต่ปรากฏว่าเป็นเพียงเรื่องกรอบการทำงาน ไม่ใช่ข้อตกลงขั้นสุดท้าย
สมาชิกคณะรัฐมนตรีของนายทรัมป์พูดมาหลายเดือนแล้วว่า การทำข้อตกลงกับหลายประเทศเช่น อินเดีย, เกาหลีใต้ และญี่ปุ่น ใกล้จะเสร็จสิ้นแล้ว แต่ตอนนี้เส้นตายวันที่ 8 ก.ค.กำลังจะมาถึง และเป็นเรื่องยากที่จะบอกว่า นายทรัมป์จะทำอย่างไรต่อไป
...
ชะตาของร่างกฎหมายยิ่งใหญ่งดงาม
สภาผู้แทนราษฎรสหรัฐฯ ผ่านร่างกฎหมายการใช้จ่ายกับภาษีของรัฐบาล ซึ่งรู้จักกันในชื่อว่า “ร่างกฎหมายยิ่งใหญ่งดงาม” (One Big Beautiful Bill - OBBB) ไปตั้งแต่ 22 พ.ค.ที่ผ่านมา แต่ตอนนี้ร่างกฎหมายกำลังเผชิญลูกระนาดในวุฒิสภา ถึงแม้ว่าระบวนการยังคงดำเนินอยู่ แต่ยังไม่แน่ชัดว่า กฎหมายฉบับนี้จะผ่านหรือไม่ หรือต้องมีการแก้ไขก่อน
นายทรัมป์ต้องการให้วุฒิสภาผ่านร่างกฎหมาย OBBB อย่างรวดเร็วภายในวันที่ 4 ก.ค. ซึ่งตรงกับวันชาติสหรัฐฯ แต่สถานการณ์ในตอนนี้ตอบยากว่า เขาจะได้ในสิ่งที่ต้องการหรือไม่
ต้องไม่ลืมว่า นายทรัมป์เรียกร่างกฎหมายฉบับนี้ว่า “ร่างกฎหมายยิ่งใหญ่งดงาม” เพราะมันรวมกฎหมายหลายๆ อย่างที่เขาให้สัญญาตอนหาเสียงเอาไว้ในฉบับเดียว ไม่ใช่แค่เรื่องลดภาษี แต่ยังมีเรื่องงบประมาณสำหรับปราบปรามผู้อพยพ ซึ่งจำเป็นต่อการรักษาสัญญาเรื่องการเนรเทศครั้งใหญ่ โดนัลด์ ทรัมป์ จึงต้องทำให้กฎหมายฉบับนี้ผ่านให้ได้
นายโฮแกน กิดลีย์ ซึ่งเคยทำงานกับรัฐบาลทรัมป์ตอนที่เขาเป็นประธานาธิบดีสมัยแรก และตอนนี้เป็นที่ปรึกษาอาวุโสของนาย ไมค์ จอห์นสัน ประธานสภาผู้แทนราษฎรกล่าวว่า ตอนนี้สมาชิกรีพับลิกันในสภาคองเกรสทุกคน เข้าใจน้ำหนักของสถานการณ์แล้ว
“หากพวกเขาส่งมอบในสิ่งที่ทำให้พวกเขาได้รับตำแหน่งไม่สำเร็จ จะเกิดปัญหาใหญ่กับโอกาสที่พวกเขาจะได้รับการเลือกตั้งครั้งต่อไป”
ผู้เขียน : ทิตชนม์ สว่างศรี
ที่มา : npr , bbc
...