พิพิธภัณฑ์ประวัติศาสตร์ธรรมชาติแห่งกรุงลอนดอน เปิดตัว "Enigmacursor mollyborthwickae" ไดโนเสาร์สายพันธุ์ใหม่ล่าสุด ที่เพิ่งได้รับการระบุชื่ออย่างเป็นทางการ โดยเป็นไดโนเสาร์กินพืชขนาดเล็กขนาดตัวเท่าสุนัข ซึ่งเคยมีชีวิตอยู่ในยุคจูราสสิกตอนปลายเมื่อราว 150 ล้านปีก่อน

ฟอสซิลของ "อีนิกมาเคอร์เซอร์" (Enigmacursor) ถูกขุดพบในแหล่งเชิงพาณิชย์ในรัฐโคโลราโด ก่อนจะถูกส่งมายังแกลเลอรีในลอนดอน โดยในตอนแรกเข้าใจว่าเป็น "นาโนซอรัส" (Nanosaurus) ซึ่งเป็นสายพันธุ์ที่แทบไม่มีข้อมูลแน่ชัดตั้งแต่ช่วงปี 1870 แต่เมื่อทีมผู้เชี่ยวชาญตรวจสอบโครงกระดูกอย่างละเอียด เปรียบเทียบกับฟอสซิลจากพิพิธภัณฑ์อื่น จึงพบว่ามันคือสายพันธุ์ใหม่ที่ไม่เคยมีใครระบุชื่อมาก่อน

ภาพ : NATURAL HISTORY MUSEUM
ภาพ : NATURAL HISTORY MUSEUM

แม้จะตัวเล็กแค่ความสูง 64 เซนติเมตร ยาว 180 เซนติเมตร แต่ไดโนเสาร์ชนิดนี้กลับเป็นจิ๊กซอว์ชิ้นสำคัญในการเข้าใจวิวัฒนาการของกลุ่มไดโนเสาร์ชื่อดังอย่างสเตโกซอรัส และ ไตรเซราทอป

...

ศาสตราจารย์ พอล บาร์เร็ตต์ นักบรรพชีวินวิทยาจากพิพิธภัณฑ์ลอนดอน ผู้ร่วมวิจัย ระบุว่าไดโนเสาร์ที่ค้นพบนี้เป็นไดโนเสาร์กินพืชขนาดเล็ก วิ่งสองขา และค่อนข้างเร็ว พบในรัฐโคโลราโด สหรัฐอเมริกา
สำหรับชื่อ "Enigmacursor" มาจากคำว่า "Enigma" แปลว่า "ปริศนา" หมายถึงประวัติการตั้งชื่อที่ซับซ้อนและสับสน ส่วนคำว่า "Cursor" แปลว่า "นักวิ่ง" ซึ่งสะท้อนถึงขาหลังที่ยาวและเท้าขนาดใหญ่ของมัน โดยโครงกระดูกนี้เป็นโครงกระดูกที่สมบูรณ์ที่สุด

ภาพ : NATURAL HISTORY MUSEUM
ภาพ : NATURAL HISTORY MUSEUM

แม้ "อีนิกมาเคอร์เซอร์" จะไม่ได้มีชื่อเสียงเท่ากับ "สเตโกซอรัส" แต่การค้นพบนี้กลับมีความสำคัญทางวิทยาศาสตร์อย่างมาก เพราะมันช่วยเติมเต็มช่องว่างทางวิวัฒนาการ ระหว่างไดโนเสาร์พื้นฐานกับกลุ่มที่มีลักษณะพิเศษแปลกตาในภายหลัง

การวิจัยยังเปิดเผยว่า มีไดโนเสาร์ขนาดเล็กประเภทนี้มากกว่าที่เคยคาดคิด เพราะเมื่อสำรวจฟอสซิลอื่น ๆ ในสหรัฐฯ นักวิจัยพบกระดูกชิ้นเล็กจำนวนมากที่แตกต่างจาก "อินิกมาเคอร์เซอร์" แต่ยังอยู่ในกลุ่มเดียวกัน ซึ่งแสดงถึงความหลากหลายที่ซ่อนอยู่ภายใต้เงาของไดโนเสาร์ยักษ์ นั่นหมายถึงระบบนิเวศยุคจูราสสิกไม่ได้มีแค่ไดโนเสาร์คอยาวกับนักล่าใหญ่โต ยังมีฝูงไดโนเสาร์เล็ก ๆ ที่มีบทบาทเฉพาะของตัวเองอีกมาก

ทั้งนี้ ฟอสซิลของ "อีนิกมาเคอร์เซอร์" จะจัดแสดงให้ประชาชนเข้าชมเป็นครั้งแรกที่ พิพิธภัณฑ์ประวัติศาสตร์ธรรมชาติ ลอนดอน ตั้งแต่วันที่ 26 มิถุนายน 2025 ขณะที่ผลงานวิจัยถูกตีพิมพ์ในวารสาร Royal Society Open Science วันที่ 25 มิถุนายน.

ที่มา : BBC

คลิกอ่านข่าวเกี่ยวกับ ไดโนเสาร์