บ.ขนส่งสินค้ารายใหญ่ของญี่ปุ่น 2 แห่ง ออกคำสั่งให้เรือสินค้าผ่านเข้า–ออก "ช่องแคบฮอร์มุซ" ให้เร็วที่สุด เพราะยังไม่แน่ใจเกี่ยวกับสถานการณ์รุนแรงในตะวันออกกลาง

วันที่ 24 มิถุนายน 2568 สำนักข่าว NHK ของญี่ปุ่น รายงานว่า สองบริษัทเดินเรือขนาดใหญ่ของญี่ปุ่น ได้แก่ NYK Line และ Mitsui O.S.K. Lines (MOL) ได้ออกคำสั่งให้เรือของบริษัท ลดระยะเวลาการอยู่ในอ่าวเปอร์เซียให้น้อยที่สุด และผ่านเข้า–ออก "ช่องแคบฮอร์มุซ" ให้เร็วที่สุด เพื่อหลีกเลี่ยงความเสี่ยง เพราะยังไม่แน่ใจเกี่ยวกับสถานการณ์รุนแรงในตะวันออกกลาง หลังจากกองทัพสหรัฐฯ เปิดปฏิบัติการโจมตีเป้าหมายด้านนิวเคลียร์ในอิหร่านเมื่อสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา และตามมาด้วยการตอบโต้รุนแรงจากอิหร่าน

รายงานข่าวระบุว่า พื้นที่ที่ถูกจับตาอย่างเข้มงวดคือบริเวณ ช่องแคบฮอร์มุซ (Strait of Hormuz) ซึ่งเป็นจุดคอขวดในการขนส่งน้ำมันระดับโลก โดยน้ำมันกว่า 20% ของปริมาณการค้าทางทะเลทั่วโลกต้องผ่านช่องแคบแคบ ๆ แห่งนี้ที่มีความกว้างเพียงราว 50 กิโลเมตร และอยู่ใกล้อิหร่าน

โดยปกติแล้ว เรือบรรทุกน้ำมันและก๊าซธรรมชาติจะต้องลอยลำ หรือจอดรอนอกชายฝั่งของอ่าวเปอร์เซียหลายวัน เพื่อรอคิวเข้าเทียบท่าที่ประเทศผู้ส่งออก อาทิ ซาอุดีอาระเบีย กาตาร์ หรืออิรัก บางลำก็ต้องรอโหลดสินค้า เช่น น้ำมันดิบหรือ LNG หรือไม่ก็รอคำสั่งซื้อจากปลายทาง จัดการเอกสารหรือรอเวลาที่เหมาะสมในการขนส่ง ซึ่งในบางช่วง เรืออาจลอยลำได้นานถึง 3–7 วัน หรือมากกว่านั้น แต่เมื่อสถานการณ์ความมั่นคงตึงเครียด การจอดรอในพื้นที่นี้ย่อมเสี่ยงต่อการโจมตีหรือถูกสกัดจากฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง จึงมีคำสั่งให้เรือทุกลำเร่งขนถ่ายสินค้าและรีบผ่านออกจากช่องแคบฮอร์มุซโดยเร็วที่สุด 

...

ทางบริษัท Mitsui O.S.K. Lines เปิดเผยว่า ปัจจุบันมีเรือราว 15 ลำในอ่าวเปอร์เซีย ซึ่งรวมถึงเรือบรรทุกน้ำมันและก๊าซธรรมชาติ ส่วน NYK Line มีเรือประมาณ 20 ลำที่ให้บริการในพื้นที่นี้เป็นประจำและยังระบุด้วยว่า ได้จัดตั้งศูนย์สนับสนุนความปลอดภัยการเดินเรือที่สำนักงานใหญ่ในกรุงโตเกียว โดยมีกัปตันผู้มีประสบการณ์สูงติดตามสถานการณ์ในตะวันออกกลางตลอด 24 ชั่วโมง เพื่อประเมินความเสี่ยงและสั่งเปลี่ยนเส้นทางทันทีหากเกิดเหตุฉุกเฉิน

ขณะที่บรรดานักวิเคราะห์ด้านความมั่นคงมองว่า ความเคลื่อนไหวของสองบริษัทญี่ปุ่นสะท้อนให้เห็นถึงความตึงเครียดที่เพิ่มขึ้นในภูมิภาค และแสดงถึงความระมัดระวังสูงสุดของภาคเอกชนในช่วงเวลาที่สถานการณ์สามารถปะทุขึ้นได้ทุกเมื่อ

ทั้งนี้ ช่องแคบฮอร์มุซถือเป็นเส้นทางขนส่งน้ำมันทางทะเลที่สำคัญที่สุดแห่งหนึ่งของโลก โดยมีน้ำมันมากกว่า 20% ของการค้าทางทะเลทั่วโลกผ่านจุดนี้ ทำให้สถานการณ์ในภูมิภาคอ่าวเปอร์เซียเป็นที่จับตาของทั่วโลกโดยเฉพาะในช่วงที่ความตึงเครียดระหว่างสหรัฐฯ และอิหร่านปะทุขึ้น ขณะที่การดำเนินการของสองบริษัทยักษ์ใหญ่ของญี่ปุ่นสะท้อนถึงความกังวลของภาคเอกชนต่อความไม่แน่นอนทางภูมิรัฐศาสตร์ และอาจส่งผลต่อเส้นทางการค้าพลังงานที่เชื่อมโยงเอเชียกับตะวันออกกลางในวงกว้าง.

ที่มา NHK