เครื่องบินทิ้งระเบิดล่องหนที่ทิ้งระเบิดบังเกอร์บัสเตอร์ขนาดใหญ่ที่โรงงานนิวเคลียร์ของอิหร่านได้เริ่มเดินทางกลับฐานทัพสหรัฐฯ ในรัฐมิสซูรีแล้ว
นักข่าวของสำนักข่าวเอพี ได้ร่วมสังเกตการณ์ในช่วงบ่ายวันอาทิตย์ (22 มิ.ย.) ขณะที่เครื่องบินทิ้งระเบิด บี-2 สปิริต อย่างน้อย 7 ลำกำลังลงจอดที่ฐานทัพอากาศไวท์แมน ในรัฐมิสซูรี
เครื่องบินล่องหนชุดแรกจำนวน 4 ลำ บินวนรอบฐานทัพก่อนจะเข้าใกล้รันเวย์จากทางเหนือ และชุดสุดท้ายจำนวน 3 ลำก็มาถึงภายใน 10 นาที
เจ้าหน้าที่สหรัฐฯ กล่าวว่าเครื่องบิน บี-2 ลำหนึ่งบินจากฐานทัพมิสซูรีไปทางตะวันตกเมื่อวันเสาร์ โดยตั้งใจจะหลอกล่อว่าจะทิ้งระเบิดใส่โรงงานนิวเคลียร์อิหร่าน เครื่องบินอีก 7 ลำบินออกไปทางตะวันออกอย่างเงียบๆ และสุดท้ายก็เข้าปฏิบัติภารกิจทิ้งระเบิดในอิหร่าน
กองทัพสหรัฐฯ โจมตีโรงงานนิวเคลียร์ 3 แห่งในอิหร่านเมื่อเย็นวันเสาร์ โดยเข้าช่วยเหลือความพยายามของอิสราเอลที่จะทำลายโครงการนิวเคลียร์ของอิหร่าน ซึ่งเป็นกลยุทธ์ที่เสี่ยงมากที่จะทำให้ศัตรูคู่ปรับอ่อนแอลง
การตัดสินใจที่จะให้สหรัฐฯ เข้ามาเกี่ยวข้องโดยตรง เกิดขึ้นหลังจากที่อิสราเอลโจมตีอิหร่านเป็นเวลานานกว่าหนึ่งสัปดาห์ โดยมีเป้าหมายเพื่อทำลายระบบป้องกันภัยทางอากาศและขีดความสามารถของขีปนาวุธโจมตีของประเทศอย่างเป็นระบบ ในขณะเดียวกันก็สร้างความเสียหายให้กับโรงงานเสริมสมรรถนะนิวเคลียร์ด้วย
อย่างไรก็ตาม เจ้าหน้าที่สหรัฐฯ และอิสราเอลกล่าวว่าเครื่องบินทิ้งระเบิดล่องหนของสหรัฐฯ และระเบิดบังเกอร์บัสเตอร์น้ำหนัก 13,600 กิโลกรัม ที่สหรัฐฯ ถือ เป็นโอกาสที่ดีที่สุดในการทำลายฐานที่มั่นที่มีการป้องกันอย่างแน่นหนาซึ่งเชื่อมโยงกับโครงการนิวเคลียร์ของอิหร่านที่ฝังอยู่ใต้ดิน
...
ปฏิบัติการโจมตีอิหร่านครั้งนี้สหรัฐฯ ส่งเครื่องบินบี-2 จำนวน 7 ลำใช้เวลาเดินทางจากสหรัฐถึงอิหร่าน 18 ชั่วโมง เพื่อทิ้งระเบิดทำลายบังเกอร์ 14 ลูกโจมตีโรงงานนิวเคลียร์หลายแห่งทั้งที่เมืองฟอร์โดว นาทานซ์ และอิสฟาฮาน ปฏิบัติการครั้งนี้ใช้ชื่อว่า ปฏิบัติการ "มิดไนท์ แฮมเมอร์" (Midnight Hammer) ซึ่งมีการวางแผนกันอย่างลับๆ ของเจ้าหน้าที่ระดับสูงด้านกลาโหมและรัฐบาลเพียงไม่กี่คน.
ที่มา AP
อ่านข่าวเพิ่มเติม https://www.thairath.co.th/news/foreign