อิหร่านตอบสนองอย่างโกรธเกรี้ยวและรุนแรงหลังสหรัฐฯ ส่งเครื่องบินทิ้งระเบิดโจมตีโรงงานนิวเคลียร์ 3 แห่งของพวกเขา ในช่วงข้ามคืนเข้าสู่วันอาทิตย์ โดยประกาศกร้าวว่า สหรัฐฯ จะเผชิญผลที่ตามมาอย่างไม่รู้จบ

แต่นอกจากทางวาจาแล้ว หน่วยงานความมั่นคงและข่าวกรองระดับสูงสุดของอิหร่านกำลังหารือกันอย่างเข้มข้นเรื่องก้าวต่อไปของพวกเขา ว่าจะทำให้สถานการณ์รุนแรงขึ้นด้วยการโจมตีผลประโยชน์ของอเมริกัน หรือเจรจา ตามที่โดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐฯ ต้องการ ซึ่งนั่นอาจหมายถึงการละทิ้งการเสริมสมรรถนะแร่ธาตุนิวเคลียร์ทั้งหมด

การหารือเหล่านี้ยังเกิดขึ้นในขณะที่ผู้บัญชาการระดับสูงของอิหร่านหลายคนต้องระมัดระวังเป็นพิเศษ เพราะไม่รู้ว่าพวกเขาจะตกเป็นเป้าหมายการโจมตีของอิสราเอลที่ดำเนินต่อเนื่องจนเข้าสู่สัปดาห์ที่ 2 แล้วหรือไม่ หรืออาจจะมีใครคิดแปรพักตร์ขายพวกเขาให้มอสซาด หน่วยข่าวกรองข้ามชาติของอิสราเอล

ตามการวิเคราะห์ของสำนักข่าว บีบีซี ตอนนี้อิหร่านมีแผนยุทธศาสตร์ 3 อย่างที่พวกเขาสามารถเลือกใช้ว่าจะทำอย่างไรต่อไป และไม่มีวิธีใดเลยที่ไร้ความเสี่ยง ซึ่งความอยู่รอดของรัฐบาลอิหร่านก็ขึ้นอยู่กับการตัดสินใจเหล่านี้

1. ตอบโต้อย่างรุนแรงและโดยเร็ว

หลายฝ่ายในอิหร่านต้องการล้างแค้นสหรัฐฯ อิหร่านโดนลูบคมตอนแรกก็จากอิสราเอล และล่าสุดคือสหรัฐฯ ผู้ที่พวกเขาเรียกขานว่า “มหาซาตาน” มาอย่างยาวนาน

อิหร่านยังคงยิงอาวุธตอบโต้กับอิสราเอลทุกวัน ซึ่งล่าสุดเข้าสู่วันที่ 10 แล้ว (23 มิ.ย. 2568) แต่การยิงตอบโต้สหรัฐฯ จะนำมาซึ่งความเสี่ยงในระดับใหม่ ไม่ใช่แค่กับอิหร่าน แต่กับทั่วภูมิภาคตะวันออกกลาง

รัฐบาลเตหะรานเชื่อว่าพวกเขายังเหลือมิสไซล์อีกครึ่งหนึ่ง จากเดิมที่มีอยู่ประมาณ 3,000 ลูก และพวกเขามีฐานทัพสหรัฐฯ ราว 20 แห่งในภูมิภาคตะวันออกกลางให้เลือกโจมตี

...

ที่ใกล้ที่สุดและเป็นเป้าหมายที่ชัดเจนที่สุดคือ ศูนย์บัญชาการใหญ่ของกองทัพเรือรบที่ 5 แห่งกองทัพเรือสหรัฐฯ ในเมืองมีนา ซัลมาน ประเทศบาห์เรน แต่อิหร่านอาจลังเลที่จะโจมตีเข้าสู่ดินแดนของประเทศเพื่อนบ้านในอ่าวเปอร์เซีย

สิ่งที่น่าเป็นไปได้มากกว่าคือ การใช้กองกำลังตัวแทนของพวกเขาในอิรักและซีเรีย โจมตีฐานของสหรัฐฯ ที่ตั้งอย่างโดดเดี่ยวอย่างฐานทัพในเมืองอัต-ตานฟ์ ในซีเรีย หรือที่เมืองไอน์ อัล-อาซาด กับเมืองเออร์บิล ของอิรัก

ตอนที่นายทรัมป์ออกคำสั่งลอบสังหารนายพลคาสซิม ซูเลมานี ผู้บัญชาการกองกำลัง “คุด ฟอร์ซ” ของอิหร่านเมื่อปี 2563 เตหะรานตอบโต้ด้วยการโจมตีทหารสหรัฐฯ ในอิรัก แต่หลีกเลี่ยงที่จะสังหารด้วยการแจ้งเตือนล่วงหน้า แต่คราวนี้พวกเขาอาจไม่ทำแบบนั้น

อิหร่านอาจระดมโจมตีเรือรบสหรัฐฯ ด้วยโดรนและเรือเร็วติดตอร์ปิโด ซึ่งเป็นสิ่งที่กองกำลังพิทักษ์การปฏิวัติอิหร่านฝึกซ้อมมาหลายปี ซึ่งหากอิหร่านเลือกทางนี้ เป้าหมายของเขาพวกคงเป็นการใช้จำนวนเพื่อเอาชนะการป้องกันของเรือรบสหรัฐฯ พวกเขาอาจขอให้พันธมิตรในเยเมน เริ่มโจมตีเรือในทะเลแดงอีกครั้งก็เป็นได้

นอกจากนั้นยังมีเป้าหมายทางเศรษฐกิจที่อิหร่านสามารถโจมตีได้ เช่นการปิดช่องแคบฮอร์มุซ หนึ่งในเส้นทางขนส่งน้ำมันทางทะเลสายสำคัญที่สุดในโลก ซึ่งอุปทาน 20% ของโลกเดินทางผ่านทุกวัน อิหร่านอาจใช้การวางทุ่นระเบิด สร้างอันตรายร้ายแรงต่อทั้งเรือรบและเรือพาณิชย์

อิหร่านยังสามารถโจมตีทางไซเบอร์ โดยพวกเขารวมถึงอริของสหรัฐฯ อย่างเกาหลีเหนือ, รัสเซีย และจีน ต่างมีขีดความสามารถในการโจมตีทางไซเบอร์สูง การส่งไวรัสทำลายล้างเข้าไปในเครือข่ายหรือธุรกิจของสหรัฐฯ ก็เป็นอีก 1 ตัวเลือกที่อิหร่านกำลังพิจารณาอยู่อย่างไม่ต้องสงสัย

2. รอก่อน ยังไม่โจมตี

หากการโจมตีในทันทีดูแล้วเสี่ยงเกินไป อิหร่านอาจรอไปก่อน จนกว่าความตึงเครียดในปัจจุบันจะลดลง แล้วค่อยเปิดฉากโจมตีทีเผลอในเวลาที่พวกเขาเลือก และในตอนที่ฐานทัพสหรัฐฯ ไม่ได้ตื่นตัวเฝ้าระวังมากเหมือนตอนนี้อีก

อิหร่านอาจโจมตีเป้าหมายทางการทูตของสหรัฐฯ สถานกงสุล หรือภารกิจทางการค้าต่างๆ หรือใช้การลอบสังหารบุคคล ซึ่งแน่นอนว่าการทำเช่นนี้มีความเสี่ยง เพราะมันจะทำให้สหรัฐฯ กลับมาโจมตีอิหร่านอีกครั้ง ในขณะที่ชาวอิหร่านกำลังกลับคืนสู่การใช้ชีวิตปกติ

3. ไม่ตอบโต้เลย

ยุทธศาสตร์นี้อิหร่านจะต้องใช้ความอดทนอดกลั้นอย่างมาก แต่มันจะช่วยให้พวกเขารอดจากการโจมตีเพิ่มเติมจากฝ่ายสหรัฐฯ พวกเขายังสามารถหันไปเลือกเส้นทางการทูตและกลับเข้าร่วมการเจรจากับสหรัฐฯ ถึงแม้ว่ารัฐมนตรีต่างประเทศของอิหร่านจะบอกว่า พวกเขาไม่เคยออกจากการเจรจา แต่เป็นอิสราเอลกับสหรัฐฯ ที่ทำลายการเจรจา

แต่การเลือกกลับไปเจรจากับสหรัฐฯ จะเป็นสิ่งที่ควรทำก็ต่อเมื่ออิหร่านเตรียมตัวยอมรับเส้นแดงที่ทั้งสหรัฐฯ และอิสราเอลจะขีด ซึ่งก็คือการคงโครงการนิวเคลียร์ของอิหร่านให้อยู่ในภาคพลเรือนเท่านั้น และพวกเขาต้องส่งยูเรเนียมทั้งหมดไปเสริมสมรรถนะในต่างประเทศ

การไม่ตอบโต้เลยหลังจากโดนโจมตีหนักขนาดนี้ จะทำให้ภาพลักษณ์ของรัฐบาลอิหร่านดูอ่อนแอ โดยเฉพาะอย่างยิ่งหลังจากพวกเขาประกาศกร้าวไปแล้วว่าจะมีผลที่ตามมาอันน่าสะพรึงกลัวหากสหรัฐฯ โจมตี ซึ่งในท้ายที่สุดรัฐบาลอิหร่านก็ต้องชั่งน้ำหนักว่า จะเสี่ยงทำให้การกุมอำนาจของตัวเองอ่อนลง หรือรับความเสี่ยงจากการโจมตีเพิ่มเติมของสหรัฐฯ

ติดตามข่าวต่างประเทศ : https://www.thairath.co.th/news/foreign

...

ที่มา : bbc