• อิสราเอลกับอิหร่านโจมตีตอบโต้กันอย่างดุเดือดตลอดหลายวันที่ผ่านมา หลังรัฐบาลยิวเปิดฉากโจมตีเมื่อสัปดาห์ก่อน อ้างว่าเพื่อสกัดการพัฒนานิวเคลียร์ของเตหะราน

  • อิสราเอลกำลังมุ่งเป้าโจมตีโรงงานเสริมสมรรถนะยูเรเนียมของอิหร่านที่ชื่อว่า ฟอร์โดว์ ซึ่งตั้งอยู่ใต้ดินลึกถึง 80 ม. และมีเพียงระเบิดเจาะบังเกอร์ GBU-57 ของสหรัฐฯ เท่านั้นที่อาจโจมตีโดนมันได้

  • แต่การใช้ GBU-57 อาจทำให้สหรัฐฯ ต้องเข้าร่วมในการโจมตีอิหร่านอย่างเต็มตัว และทำให้สงครามในภูมิภาคบานปลาย เนื่องจากการใช้อาวุธชนิดนี้มีเงื่อนไขหลายอย่างที่ผูกกับสหรัฐฯ เอาไว้

นับตั้งแต่อิสราเอลเปิดฉากโจมตีอิหร่านเมื่อ 13 มิ.ย. 2568 ก็มีผู้เสียชีวิตไปแล้วมากกว่า 200 ศพ รวมถึงนายพลระดับสูงและนักวิทยาศาสตร์นิวเคลียร์ของอิหร่าน

อิสราเอลระบุว่า ปฏิบัติการทางทหารที่เกิดขึ้นเป็นการ “ชิงลงมือก่อน” เพื่อป้องกันไม่ให้คู่อริของพวกเขารายนี้สร้างระเบิดนิวเคลียร์ได้สำเร็จ โดยรัฐบาลยิวอ้างว่า อิหร่านกำลังจะสร้างระเบิดนิวเคลียร์ขั้นต้นสำเร็จภายในไม่กี่เดือนข้างหน้า และเตหะรานมีแร่ยูเรเนียมมากพอสร้างระเบิดนิวเคลียร์ได้ถึง 9 ลูก

ฝ่ายอิหร่านปฏิเสธทั้งข้อกล่าวหาของอิสราเอลและเรื่องที่พวกเขากำลังพัฒนาอาวุธนิวเคลียร์ พร้อมเปิดฉากโจมตีตอบโต้ ซึ่งดำเนินต่อเนื่องมานานร่วมสัปดาห์แล้ว และตอนนี้ ความสนใจกำลังถูกเพ่งไปยังโรงงานเสริมสมรรถนะแร่ยูเรเนียม “ฟอร์โดว์” ที่ถูกฝังอยู่ลึกลงไปใต้ภูเขาในอิหร่าน

รายงานระบุ ฟอร์โดว์เป็นศูนย์พัฒนานิวเคลียร์ที่สำคัญมากของอิหร่าน และมีเพียงระเบิดเจาะบังเกอร์ “GBU-57” ของสหรัฐฯ เท่านั้นที่สามารถทะลุชั้นหินและคอนกรีตลงไปทำลายฐานใต้ดินแห่งนี้ได้ และนี่อาจเป็นตัวแปรที่จะดึงสหรัฐฯ เข้าร่วมสงคราม

...

ควันจากการโจมตีของอิสราเอลที่กรุงเตหะรานพุ่งขึ้นสู่ท้องฟ้า
ควันจากการโจมตีของอิสราเอลที่กรุงเตหะรานพุ่งขึ้นสู่ท้องฟ้า

รู้จัก GBU-57 ระเบิดเจาะบังเกอร์

GBU-57 หรือที่รู้จักกันในชื่อ “ระเบิดเจาะทะลวงขนาดยักษ์” (Massive Ordnance Penetrator - MOP) ถูกออกแบบมาเพื่อโจมตีเป้าหมายที่ถูกฝังลึกอยู่ใต้ดินเช่นบังเกอร์และอุโมงค์ต่างๆ โดยระเบิดนำวิถีด้วยจีพีเอสชนิดนี้สามารถเจาะลงไปใต้ดินได้ลึกถึง 61 ม. ก่อนจะระเบิด

ระเบิดชนิดนี้มีความยาว 6.2 ม. กว้าง 80 ซม. น้ำหนักประมาณ 13,600 กก. ส่วนหัวรบบรรจุระเบิดได้มากถึง 2,400 กก. สร้างจากเหล็กกล้าผสมสมรรถนะสูงพิเศษ ที่ออกแบบมาเพื่อบรรทุกระเบิดจำนวนมากและแข็งแรงทนทาน

ในปัจจุบัน หลายประเทศมีระเบิดเจาะบังเกอร์เป็นของตัวเอง แต่มีเพียงสหรัฐฯ เท่านั้นที่ครอบครอง GBU-57 และนี่เป็นระเบิดขนาดใหญ่ที่สุดที่ไม่ใช่ระเบิดนิวเคลียร์ในคลังแสงของสหรัฐฯ ด้วย

เครื่องบินเพียงชนิดเดียวที่ถูกโปรแกรมให้สามารถบรรทุกระเบิดมหาประลัยชนิดนี้ได้ก็คือ เครื่องบินทิ้งระเบิดล่องหน “B-2 Spirit” ซึ่งบรรทุกได้ทั้งระเบิดตามมาตรฐานและระเบิดนิวเคลียร์ โดยมันสามารถขนระเบิด GBU-57 ได้ครั้งละ 2 ลูก และด้วยระบบสเตลธ์ B-2 จะสามารถฝ่าการป้องกันและโจมตีเป้าหมายได้ก่อนที่ศัตรูจะทันรู้ตัว

เทียบกับระเบิดเจาะบังเกอร์ชนิดอื่น

ที่ผ่านมาไม่เคยมีรายงานว่าสหรัฐฯ นำ GBU-57 ไปใช้งานจริงเลย มีเพียงนำไปทดสอบและฝึกซ้อมเท่านั้น โดยการทดสอบปล่อยเกิดขึ้นในปี 2557, 2558 และ 2559 จากนั้นก็มีข่าวในปี 2560 ว่าเครื่องบิน B-2 หลายลำประสบความสำเร็จในการทดสอบทิ้งระเบิด 4 ครั้งที่ฐานทัพ ไวท์แซนด์ ของสหรัฐฯ

อย่างไรก็ตาม เมื่อเทียบกันด้วยน้ำหนักแล้ว GBU-57 ถือว่าหนักกว่า GBU-43/B บังเกอร์บัสเตอร์อีกรุ่นของสหรัฐฯ ซึ่งได้ชื่อว่า “มารดาของระเบิดทั้งมวล” มาก โดย GBU-43/B มีความยาว 9 ม. น้ำหนักประมาณ 9,800 กก.

GBU-43/B เคยถูกนำไปใช้โจมตีกลุ่มไอซิสในอัฟกานิสถานเมื่อปี 2560 โดยมันจะระเบิดหลังจากกระแทกพื้นได้ไม่นาน ไม่สามารถเจาะทะลวงลงไปใต้ดินก่อนระเบิดได้เหมือนกับ GBU-57 แต่มันอาศัยพลังทำลายจากระเบิดที่บรรทุกไปมากถึง 8,900 กก. (เยอะกว่า GBU-57 เกือบ 4 เท่า) เพื่อสร้างความเสียหายไปยังใต้ดินแทน

สหรัฐฯ ยังมีระเบิดเจาะบังเกอร์รุ่นเล็กกว่าอย่าง GBU-28 และ BLU-109 โดย GBU-28 เป็นระเบิดนำวิถีด้วยเลเซอร์ มีน้ำหนักราว 2,300 กก. สามารถเจาะทะลวงคอนกรีตหนา 6 ม.ได้ ส่วน BLU-109 มีน้ำหนักเพียง 900 กก. สามารถเจาะคอนกรีตเสริมความแข็งแกร่งหนา 1.8 ม.ได้

ทั้ง GBU-28 และ BLU-109 เคยถูกนำไปใช้ในการต่อสู้มาแล้ว โดย GBU-28 ถูกใช้ทำลายบังเกอร์ศูนย์บัญชาการหลักของอิหร่านในสงครามอ่าวเปอร์เซียเมื่อปี 2534 ส่วน BLU-109 สหรัฐฯ เคยมอบให้อิสราเอล ซึ่งเชื่อกันว่า กองทัพยิวนำมันไปใช้โจมตีสังหารนาย ฮัสซัน นาสรัลเลาะห์ ผู้นำกลุ่มฮิซบอลเลาะห์ในเลบานอนเมื่อปีก่อน

รัสเซียก็มีระเบิดเจาะบังเกอร์ของตัวเองเช่นกัน คือระเบิด FAB-1500 ซึ่งเป็นระเบิดนำวิถีความแม่นยำสูง และสามารถเจาะทะลวงลงไปใต้ดินได้ถึง 20 ม.

...

เครื่องบินทิ้งระเบิดระบบสเตลธ์ B-2 ของสหรัฐฯ
เครื่องบินทิ้งระเบิดระบบสเตลธ์ B-2 ของสหรัฐฯ

GBU-57 อาวุธชนิดเดียวที่ทำลาย รง.ฟอร์โดว์ได้?

โรงงานนิวเคลียร์ ฟอร์โดว์ ของอิหร่านซ่อนอยู่ลึกลงไปจากยอดเขาในเมืองกอม (Qom) ประมาณ 80-90 ม. ทำให้มันมีปราการธรรมชาติสามารถป้องกันอาวุธตามมาตรฐานทั่วไปได้ รวมถึงอาวุธทุกอย่างที่อิสราเอลมี GBU-57 จึงเป็นอาวุธที่ไม่ใช่ระเบิดนิวเคลียร์เพียงชนิดเดียวที่มีโอกาสสร้างความเสียหายแก่ฟอร์โดว์ได้

แต่การใช้ระเบิดลูกนี้หมายความว่า สหรัฐฯ ต้องเข้าร่วมการโจมตีอิหร่านโดยตรง เนื่องจากต้องใช้เครื่องบินสเตลธ์ B-2 เท่านั้นในการทิ้งระเบิดลูกนี้ และด้วยความลึกของเป้าหมาย ทำให้อาจต้องใช้ระเบิด GBU-57 หลายลูกโจมตีเป็นระลอก จึงจะทำลายโรงงานฟอร์โดว์ได้อย่างสิ้นเชิง

ถึงแม้ว่าในทางทฤษฎี อิสราเอลจะสามารถขนระเบิด GBU-57 ด้วยเครื่องบินลำเลียงอย่าง C-130 เฮอร์คิวลีส แต่เครื่องบินรุ่นนี้บินช้ามาก และต้องบินต่ำ ทั้งยังไม่มีอุปกรณ์เล็งเป้าหมาย จึงไม่เหมาะอย่างยิ่งกับการนำมาใช้งานแทนเครื่อง B-2

...

ที่ตั้งโรงงานเสริมสมรรถนะเชื้อเพลิงนิวเคลียร์
ที่ตั้งโรงงานเสริมสมรรถนะเชื้อเพลิงนิวเคลียร์ "ฟอร์โดว์" ในอิหร่าน

โรงงานฟอร์โดว์สำคัญอย่างไร?

โรงงานเสริมสมรรถะแร่ยูเรเนียม ฟอร์โดว์ ตั้งอยู่ในเมืองกอม ห่างจากกรุงเตหะรานไปทางตะวันตกเฉียงใต้ราว 95 กม.

โลกได้รู้เรื่องการมีอยู่ของโรงงานแห่งนี้ในปี 2549 เมื่อนายบารัค โอบามา ประธานาธิบดีสหรัฐฯ ในตอนนั้น ออกมากล่าวว่า ทั้งขนาดและโครงสร้างของโรงงานแห่งนี้ไม่สอดคล้องกับคำกล่าวอ้างของอิหร่านที่ว่า มันถูกใช้เพื่อโครงการพลังงานนิวเคลียร์พลเรือนและอย่างสันติ

ความกังวลว่าอิหร่านจะพัฒนาอาวุธนิวเคลียร์ ทำให้เกิดการทำข้อตกลงร่วมกันระหว่างอิหร่านกับชาติมหาอำนาจ หรือที่รู้จักกันในชื่อ “ข้อตกลงนิวเคลียร์อิหร่าน 2558” ซึ่งอิหร่านต้องรื้อเครื่องเสริมสมรรถนะแร่ยูเรเนียมในโรงงานฟอร์โดว์ถึง 2 ใน 3 และห้ามโรงงานแห่งนี้ข้องเกี่ยวกับกิจกรรมนิวเคลียร์ใดๆ แลกกับการผ่อนคลายคว่ำบาตร

แต่ในปี 2561 โดนัลด์ ทรัมป์ ซึ่งเพิ่งเป็นประธานาธิบดีสหรัฐฯ สมัยแรก พาสหรัฐฯ ถอนตัวออกจากข้อตกลง ส่งผลให้หลังจากนั้น อิหร่านเริ่มโครงการนิวเคลียร์ของพวกเขาอีกครั้ง โดยในปี 2566 ทบวงพลังงานปรมาณูระหว่างประเทศ (IAEA) ได้ไปเก็บตัวอย่างจากโรงงานฟอร์โดว์ และพบยูเรเนียมที่เสริมสมรรถนะถึง 93.7% เกือบถึงระดับทำอาวุธได้แล้ว

เท่าที่รู้ตอนนี้ อิหร่านมีโรงงานเสริมสมรรถนะเชื้อเพลิงนิวเคลียร์ใต้ดินอีกแห่งคือ โรงงานนาตานซ์ ตั้งอยู่นอกกรุงเตหะราน โดยอยู่ลึกลงไปใต้ดินราว 8 ม. และถูกอิสราเอลโจมตีทางอากาศเข้าใส่ไปแล้ว

นายเดเมียน ตัน จากสถาบันตะวันออกกลางของมหาวิทยาลัยแห่งชาติสิงคโปร์ บอกกับสำนักข่าว ซีเอ็นเอ ว่า “หากฟอร์โดว์ไม่ถูกทำลายอย่างราบคาบ พวกเขาก็อาจกลับมาสานงานต่อได้ในไม่กี่เดือน ทำให้อิหร่านกลับสู่เส้นทางไปสู่ระเบิดนิวเคลียร์ในระยะเวลาสั้นๆ หากพวกเขาตัดสินใจเลือกเส้นทางนั้น ซึ่งมีความเป็นไปได้สูง เนื่องจากการป้องปรามด้วยวิธีปกติของพวกเขาล้มเหลวมาตลอด”

แต่อิหร่านก็อาจมีโรงงานเสริมสมรรถนะลับที่อื่นที่โลกไม่รู้ ซึ่งอาจทำให้การเสริมขีดความสามารถทางนิวเคลียร์ของพวกเขาดำเนินต่อไปได้ แม้ว่าการทำลายโรงงานฟอร์โดว์ จะชะลอความคืบหน้าของอิหร่าน แต่ไม่สามารถขจัดภัยคุกคามที่สำคัญและซ่อนอยู่ได้







ที่มา : cna

...