ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ออกจากการประชุมสุดยอด G7 ที่ประเทศแคนาดาก่อนกำหนด โดยพบว่าเดินทางออกจากเมืองแคลการี ด้วยเครื่องบินแอร์ ฟอร์ซ วัน เพื่อเดินทางกลับกรุงวอชิงตันดีซี

ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ออกจากการประชุมสุดยอด G7 ที่ประเทศแคนาดาก่อนกำหนด โดยพบว่าเดินทางออกจากเมืองแคลการีและเดินทางกลับกรุงวอชิงตันดีซี หลังจากขึ้นเครื่องบินแอร์ ฟอร์ซ วัน โดยไม่ได้ให้สัมภาษณ์กับนักข่าว

ก่อนหน้านี้ โฆษกทำเนียบขาว โพสต์บน X ว่า ประธานาธิบดีสหรัฐฯ ออกจากการประชุมสุดยอด G7 ก่อนกำหนด "เนื่องจากสิ่งที่เกิดขึ้นในตะวันออกกลาง"เจ้าหน้าที่สหรัฐฯ กล่าวว่า ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ผู้นำสหรัฐฯ ได้ขอให้สภาความมั่นคงแห่งชาติ (NSC) เตรียมความพร้อมในห้องสถานการณ์ฉุกเฉินในกรุงวอชิงตันดีซี แต่สหรัฐฯ จะไม่เข้าร่วมการรุกของอิสราเอลต่ออิหร่าน 

อย่างไรก็ตาม โดนัลด์ ทรัมป์ กล่าวว่าเขาไม่ได้ออกจากการประชุมสุดยอด G7 ก่อนกำหนดเพื่อทำงานเกี่ยวกับการหยุดยิงระหว่างอิสราเอลและอิหร่าน ในโพสต์บนแพลตฟอร์ม Truth Social เขากล่าวว่าประธานาธิบดีเอ็มมานูเอล มาครง ของฝรั่งเศส  "คิดผิด" หลังจากก่อนหน้านี้เขากล่าวว่าทรัมป์กำลังเดินทางกลับกรุงวอชิงตันเพื่อเข้าร่วมการเจรจาหยุดยิง

ทรัมป์กล่าวว่า "เขาไม่รู้ว่าทำไมตอนนี้ผมจึงกำลังเดินทางไปวอชิงตัน แต่แน่นอนว่ามันไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการหยุดยิง มันใหญ่กว่านั้นมาก" ทรัมป์ไม่ได้ให้รายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับเหตุผลในการออกจากการประชุม แต่จบโพสต์ด้วยคำว่า "คอยติดตามกันต่อไป!"

ในการประชุมสุดยอด G7 ที่รัฐอัลเบอร์ตาของแคนาดาเมื่อช่วงค่ำวันจันทร์ (16 มิ.ย.) ประธานาธิบดีฝรั่งเศสกล่าวว่าการออกจากการประชุมของทรัมป์เป็นไปในเชิงบวก เนื่องจากมีวัตถุประสงค์เพื่อหยุดยิงระหว่างอิหร่านและอิสราเอล ประธานาธิบดีฝรั่งเศสกล่าวกับผู้สื่อข่าวว่า "มีข้อเสนอให้พบปะและแลกเปลี่ยนกันจริงๆ ข้อเสนอนี้ทำขึ้นโดยเฉพาะเพื่อหยุดยิงและเพื่อเริ่มต้นการหารือในวงกว้าง"

...

ก่อนหน้านี้ เว็บไซต์ Axios รายงานว่าทำเนียบขาวกำลังหารือถึงความเป็นไปได้ในการประชุมระหว่างเจ้าหน้าที่สหรัฐฯ และอิหร่านในสัปดาห์นี้เพื่อหารือเกี่ยวกับข้อตกลงนิวเคลียร์

ก่อนออกจากการประชุมสุดยอด ทรัมป์ได้ลงนามในแถลงการณ์ร่วมเกี่ยวกับความขัดแย้งที่ยังคงดำเนินอยู่ระหว่างอิหร่านและอิสราเอล ซึ่งกล่าวถึงอิหร่านว่าเป็น "แหล่งหลักของความไม่มั่นคงและการก่อการร้ายในภูมิภาค"

ที่ประชุมสุดยอดผู้นำกลุ่มจี 7 ที่เขตแคแนแนสกิส เคาน์ตี้ รัฐอัลเบอร์ตา กล่าวถึงสถานการณ์ที่เกิดขึ้นไม่นานมานี้ระหว่างอิสราเอลกับอิหร่านว่า ผู้นำกลุ่มประเทศ G7 ขอยืนยันถึงความมุ่งมั่นที่มีต่อสันติภาพและเสถียรภาพในภูมิภาคตะวันออกกลาง และเนื่องด้วยสถานการณ์ในขณะนี้ ผู้นำ G7 ขอยืนยันว่าอิสราเอลมีสิทธิ์ในการป้องกันตนเอง และขอย้ำการสนับสนุนที่มีต่อความมั่นคงของอิสราเอล รวมทั้งขอยืนยันเรื่องความสำคัญของการคุ้มครองพลเรือนด้วย

แถลงการณ์ของผู้นำ G7 ระบุด้วยว่า อิหร่านเป็นแหล่งหลักของความไม่มั่นคงและการก่อการร้ายในภูมิภาค ผู้นำ G7 จึงได้แสดงความชัดเจนมาโดยตลอดว่า อิหร่านไม่สามารถครอบครองอาวุธนิวเคลียร์ได้ และขอเรียกร้องให้การแก้ไขวิกฤตการณ์อิหร่านนำไปสู่การลดความเป็นปรปักษ์ในวงกว้างในตะวันออกกลาง รวมถึงการหยุดยิงในฉนวนกาซา ผู้นำ G7 จะยังคงฝ้าจับตาดูผลกระทบที่เกิดขึ้นกับตลาดพลังงานระหว่างประเทศ และพร้อมที่จะประสานงานกับหุ้นส่วนที่มีแนวคิดสอดคล้องกัน เพื่อรักษาเสถียรภาพของตลาด.

ที่มา BBC Reuters

อ่านข่าวเพิ่มเติม https://www.thairath.co.th/news/foreign