- เครื่องบินโดยสารของสายการบินแอร์อินเดีย เที่ยวบิน AI171 ซึ่งมุ่งหน้าจากเมืองอาห์เมดาบัด ของอินเดีย สู่สนามบินแกตวิก กรุงลอนดอน ของอังกฤษ กลายเป็นโศกนาฏกรรมสะเทือนขวัญ เมื่อเครื่องบินตกเพียงไม่นานหลังออกจากสนามบิน คร่าชีวิตผู้โดยสารและลูกเรือถึง 241 คนจาก 242 คนบนเครื่อง
- ท่ามกลางเศษซากเพลิงไหม้ที่กระจัดกระจายกลางเมือง นายวิศวกุมาร ราเมศ ชายสัญชาติอังกฤษวัย 40 ปี เป็นเพียงคนเดียวเท่านั้นที่รอดชีวิต และเดินออกมาขอความช่วยเหลือจากผู้คนบริเวณนั้น เขาเป็นผู้โดยสารที่นั่งอยู่ตรงที่นั่ง 11A ข้างประตูฉุกเฉิน อะไรทำให้ชายผู้นี้รอดชีวิตจากเหตุการณ์ที่ไม่มีใครคิดว่าจะมีปาฏิหาริย์เกิดขึ้น
โศกนาฏกรรมเครื่องบิน "แอร์อินเดีย" ผู้เสียชีวิตส่วนใหญ่เป็นชาวอินเดีย และอังกฤษ รวมถึงเด็กและทารก
แม้แต่นายอาเจย์กุมาร ราเมศ พี่ชายของผู้รอดชีวิต ที่นั่งอยู่เบาะ 11J ฝั่งตรงข้าม ก็ถูกระบุว่าเสียชีวิต เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นทำให้ครอบครัวราเมศ ที่อยู่ในอังกฤษอยู่ในสภาพสับสนและเสียใจ โดยแม่ของเขา ไม่สามารถพูดอะไรได้เลย หลังทราบข่าวลูกชายรอดชีวิต แต่ลูกอีกคนเสียชีวิตจากเครื่องบินตก อะไรคือปัจจัยสำคัญที่ทำให้นายวิศวกุมาร รอดชีวิตจากเหตุเครื่องบินตก

...
ตำแหน่งที่นั่งใกล้ทางออกฉุกเฉิน
นายวิศวกุมาร นำบอร์ดดิ้งพาสออกมายืนยันว่าเขาเป็นผู้โดยสารเที่ยวบินนี้ ซึ่งเขานั่งอยู่ตรงที่นั่ง 11A ซึ่งอยู่ติดกับทางออกฉุกเฉิน เบาะนี้อยู่บริเวณปีกด้านซ้ายของเครื่องบิน ซึ่งเป็นตำแหน่งที่มีโอกาสรอดสูงกว่าหากเกิดการกระแทกหรือระเบิด เพราะใกล้ทางหนีไฟ
ที่นั่ง 11A มักจะมีพื้นที่มากกว่า และโครงสร้างแข็งแรงกว่าในจุดอื่น เมื่อเครื่องบินเกิดแรงกระแทกหรือเกิดไฟไหม้ การอยู่ใกล้ประตูฉุกเฉินจะช่วยให้ผู้โดยสารสามารถหนีออกจากเครื่องได้รวดเร็วหากยังมีสติและสภาพร่างกายเอื้ออำนวย อีกทั้งในกรณีของวิศวกุมาร มีรายงานว่าเขา กระโดดหรือถูกเหวี่ยงออกจากประตูฉุกเฉินได้ก่อนเครื่องระเบิด ซึ่งเป็นเสี้ยววินาทีที่มีความสำคัญระหว่างชีวิตและความตาย
ขณะเดียวกัน รายงานจากแพทย์ที่รักษานายวิศวกุมาร และพยานในพื้นที่ให้ข้อมูลว่า ตัวเครื่องบินอาจแยกออกเป็นสองส่วนก่อนเกิดแรงระเบิดเต็มรูปแบบ ซึ่งสอดคล้องกับคำให้สัมภาษณ์ของผู้รอดชีวิตเองที่ระบุว่า เขาถูก เหวี่ยงออกมาจากเครื่องก่อนเกิดไฟลุกไหม้ ซึ่งหากจุดที่นั่ง 11A อยู่ใกล้แนวรอยแยกของลำตัวเครื่อง อาจทำให้ผู้โดยสารบริเวณนั้นสามารถหลุดออกมาจากตัวเครื่องได้ก่อนที่โครงสร้างภายในจะยุบตัวหรือเกิดเปลวเพลิงลุกไหม้รุนแรง

พฤติกรรมตอบสนองไว
นายวิศวกุมาร เล่าว่าเพียง 30 วินาทีหลังเครื่องบินขึ้นจากรันเวย์ มีเสียงระเบิดดังขึ้น แล้วทุกอย่างก็เกิดขึ้นเร็วมาก เขาบอกว่าหลังลืมตาขึ้นมาในซากเครื่องบิน เขาลุกขึ้นและวิ่งหนีทันที โดยไม่เห็นผู้โดยสารคนอื่นเลย นอกจากนี้เขายืนยันว่าจำไม่ได้ว่าตัวเองออกมาจากเครื่องบินได้อย่างไร แต่น่าจะถูกแรงกระแทกหรือการระเบิดเหวี่ยงออกมา
โดยการตอบสนองที่รวดเร็วเช่นนี้เป็นสิ่งที่ผู้เชี่ยวชาญด้านอุบัติเหตุทางอากาศชี้ว่า "มีผลอย่างมากต่อการรอดชีวิต"

โครงสร้างของเครื่องบินและลักษณะการตก
ผู้รอดชีวิตยังระบุว่า "ตัวเครื่องบินแยกออกเป็นสองท่อน" ก่อนเกิดการระเบิดเสียอีก ซึ่งมีความเป็นไปได้ว่าเบาะที่นั่ง 11A ของเขาอยู่ในส่วนที่หลุดออกมาก่อน ทำให้ไม่ถูกเพลิงลุกไหม้โดยตรง
นักวิเคราะห์การบินคาดว่า เครื่องบินอาจตกจากการสูญเสียแรงขับดันทันทีทั้งสองเครื่องยนต์ (engine stall) โดยอาจเกิดจาก "การชนกับนก" หรือ "ลมแรงเปลี่ยนทิศกะทันหัน" บันทึกวิทยุของนักบินชี้ว่าเขาพยายามควบคุมสถานการณ์และส่งสัญญาณเมย์เดย์ ก่อนสูญเสียการควบคุม
ความรู้สึกไม่ปลอดภัยของผู้โดยสารเริ่มเพิ่มขึ้น
...
เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นในช่วงที่หน่วยงานกำกับการบินของสหรัฐฯ หรือ FAA ถูกวิพากษ์วิจารณ์ว่า ไม่เข้มงวดเพียงพอในการตรวจสอบความปลอดภัย โดยข้อมูลจาก AP-NORC Center ระบุว่าชาวอเมริกัน มีความเชื่อมั่นในความปลอดภัยของการบินลดน้อยลงกว่าปีก่อน โดยสายการบินและองค์กรกำกับต้องเร่งปรับปรุงมาตรการความปลอดภัย ไม่ใช่แค่การตรวจสอบเครื่องก่อนขึ้นบิน แต่รวมถึงการฝึกซ้อมหนีภัยและการจัดการหลังเกิดอุบัติเหตุ.