อิสราเอลเปิดฉากโจมตีกรุงเตหะราน เมืองหลวงของอิหร่านในช่วงเช้าตรู่ของวันศุกร์ โดยมีรายงานว่าเกิดเสียงระเบิดดังสนั่นทั่วเมือง ขณะที่ทางการอิสราเอลระบุว่า การโจมตีครั้งนี้มีเป้าหมายที่ ไซต์นิวเคลียร์และสิ่งอำนวยความสะดวกทางทหาร
นายกรัฐมนตรีอิสราเอล ประกาศปฏิบัติการสิงโตผงาดรับมือภัยคุกคามจากอิหร่าน สั่งโจมตีเตหะราน อ้างมุ่งเป้าภัยคุกคามนิวเคลียร์และทางทหาร โดยมีรายงานการระเบิดจากการโจมตี และมีภาพของอาคารในกรุงเตหะรานพังเสียหายบางส่วน
นายเบนจามิน เนทันยาฮู นายกรัฐมนตรีอิสราเอล เปิดเผยว่า รัฐบาลได้เริ่มปฏิบัติการที่มีชื่อว่า "สิงโตผงาด" (Rising Lion) เพื่อผลักดันและสกัดกั้นภัยคุกคามจากอิหร่าน ซึ่งเขาระบุว่าเป็นภัยอันตรายต่อการอยู่รอดของอิสราเอล โดยเนทันยาฮูกล่าวว่า ปฏิบัติการนี้จะดำเนินต่อไปตราบเท่าที่ยังจำเป็น

เขายังเตือนว่า อิหร่านได้สะสมยูเรเนียมในระดับที่สามารถนำไปผลิตระเบิดปรมาณูได้ถึง 9 ลูก ซึ่งหากไม่หยุดยั้ง อิหร่านสามารถผลิตอาวุธนิวเคลียร์ได้ในเวลาอันสั้น ซึ่งนี่คือ ภัยคุกคามที่ชัดเจนและใกล้ตัวต่อการอยู่รอดของอิสราเอล
...
ด้านรัฐมนตรีต่างประเทศสหรัฐฯ มาร์โก รูบิโอ ระบุว่า อิสราเอลได้ดำเนินการโจมตีฝ่ายเดียวต่ออิหร่าน และแจ้งต่อสหรัฐฯว่า การโจมตีนี้มีความจำเป็นเพื่อการป้องกันตนเองเหตุโจมตีครั้งนี้เกิดขึ้นในช่วงที่สถานการณ์ตึงเครียดระหว่างอิสราเอลและอิหร่านพุ่งสูงสุด ท่ามกลางความวิตกเกี่ยวกับโครงการนิวเคลียร์ของเตหะรานที่มีความคืบหน้าอย่างรวดเร็ว

เมื่อวันพฤหัสบดีที่ผ่านมา คณะกรรมการบริหารของ ทบวงการพลังงานปรมาณูระหว่างประเทศ (IAEA) มีมติ ตำหนิอิหร่านเป็นครั้งแรกในรอบ 20 ปี ฐานไม่ให้ความร่วมมือกับผู้ตรวจสอบของหน่วยงาน
ไม่นานหลังจากนั้น อิหร่านประกาศว่าจะจัดตั้ง สถานที่เสริมสมรรถนะยูเรเนียมแห่งที่สามในประเทศ พร้อมทั้ง เปลี่ยนเครื่องหมุนเหวี่ยงเป็นรุ่นที่ทันสมัยและมีประสิทธิภาพสูงขึ้น
ตลอดหลายปีที่ผ่านมา อิสราเอลยืนยันหนักแน่นว่าจะไม่ยอมให้อิหร่านสร้างอาวุธนิวเคลียร์ได้สำเร็จ แม้ทางการเตหะรานจะยืนกรานว่า ไม่มีความตั้งใจที่จะพัฒนาอาวุธนิวเคลียร์ แต่เจ้าหน้าที่ระดับสูงของอิหร่านหลายคนก็เคยออกมาเตือนว่า ประเทศมีความสามารถในการสร้างได้หากจำเป็น
ก่อนหน้านี้ สหรัฐฯ ได้เตรียมพร้อมรับมือสถานการณ์ โดยมีการอพยพนักการทูตบางส่วนออกจากกรุงแบกแดด เมืองหลวงของอิรัก และเปิดให้ครอบครัวของทหารอเมริกันในตะวันออกกลาง อพยพโดยสมัครใจ.
ที่มา : AP
คลิกอ่านข่าวเกี่ยวกับ อิหร่าน