- เจ้าหน้าที่ของทั้งอินเดีย สหรัฐฯ และสหราชอาณาจักร กำลังร่วมมือกันเพื่อหาคำตอบว่า อะไรคือสาเหตุที่ทำให้เที่ยวบิน AI 171 ของสายการบินแอร์อินเดีย ตกลงหลังขึ้นบินได้ไม่นานจนมีผู้เสียชีวิต 241 ศพ
- ภาพจากคลิปวิดีโอแสดงให้เห็นว่าเครื่องบินลำนี้ไต่ระดับความสูงไม่ขึ้น ซึ่งผู้เชี่ยวชาญก็ตั้งสมมติฐานไว้หลายอย่าง รวมถึงการชนนกจนเครื่องยนต์ดับทั้ง 2 ข้าง
- สาเหตุที่เป็นไปได้อีกอย่างคือ แฟลบ หรือ ปีกสร้างแรงยก ทำงานอย่างไม่ถูกต้อง หรือสภาพอากาศร้อนในตอนที่เครื่องบินเทคออฟ ซึ่งทำให้การขึ้นบินยากกว่าปกติ
เจ้าหน้าที่สืบสวนในอินเดียกำลังทำงานอย่างหนักเพื่อหาสาเหตุที่ทำให้เครื่องบินโดยสารเที่ยวบินที่ AI 171 ของสายการบินแอร์อินเดีย (Air India) ตกใส่หอพักแพทย์ จนทำให้ผู้โดยสารและลูกเรือ 241 คนจากทั้งหมด 242 คนเสียชีวิต
AI 171 มีกำหนดการเดินทางไปยังท่าอากาศยานนานาชาติ ลอนดอน แกตวิก ในสหราชอาณาจักร แต่เครื่องบินกลับตกหลังขึ้นบินจากท่าอากาศยานนานาชาติ ซาร์ดาร์ วัลลัภไบ เพเทล ในเมืองอาห์เมดาบัด ทางตะวันตกของประเทศเป็นระยะทางเพียง 1.5 กม.เท่านั้น
เกิดอะไรขึ้นกับเครื่องบินลำนี้? เป็นคำถามที่ยังต้องใช้เวลาในการตรวจสอบ โดยเจ้าหน้าที่ของทั้งอินเดีย, สหรัฐฯ และสหราชอาณาจักร จะร่วมมือกันเพื่อหาคำตอบของคำถามนี้
อย่างไรก็ตาม บรรดาผู้เชี่ยวชาญด้านความปลอดภัยการบินมีสมมติฐานหลายข้อ ว่ามีปัจจัยอะไรบ้างที่อาจเป็นสาเหตุทำให้Boeing 787 Dreamlinerลำนี้ ตกหลังจากออกเดินทางได้ไม่นาน

...
เครื่องบินไต่ระดับไม่ขึ้น
เที่ยวบิน AI 171 ออกเดินทางจากท่าอากาศยานนานาชาติ ซาร์ดาร์ วัลลัภไบ เพเทล ในเวลา 13.39 น. ตามเวลาท้องถิ่น แต่เกือบจะในทันทีที่เครื่องขึ้นบิน ห้องนักบินก็ส่งสัญญาณเมย์เดย์ข้อความช่วยเหลือ และหลังจากนั้นก็ไม่มีการตอบรับใดๆ จากเครื่องบินลำนี้อีก และยังไม่แน่ชัดว่าอะไรเป็นสาเหตุที่ทำให้นักบินส่งสัญญาณเมย์เดย์
แต่จากปากคำของนายวิศวาช คูมาร์ ราเมช วัย 40 ปี ผู้รอดชีวิตเพียงคนเดียวจากเครื่องบินลำนี้ เขาบอกว่าเกิดเสียง “ปัง” ดังลั่นในตอนที่เครื่องบินกำลังพยายามไต่ระดับความสูง
ขณะที่ภาพจากคลิปวิดีโอแสดงให้เห็นว่า AI 171 บินในระดับต่ำเหนือย่านที่อยู่อาศัย ข้อมูลสุดท้ายที่ส่งเข้าระบบบอกว่า เครื่องบินแตะถึงความสูงเพียง 625 ฟุต (190 ม.) แล้วเพดานบินก็ค่อยๆ ลดลง ก่อนจะตกใส่อาคารที่พักแพทย์และระเบิดไฟลุกท่วมอย่างรุนแรง

เครื่องยนต์ล้มเหลวทั้ง 2 ข้าง?
เครื่องบิน 2 เครื่องยนต์อย่าง โบอิ้ง 787-8 ดรีมไลเนอร์ ถูกออกแบบมาให้ยังสามารถขึ้นบินได้แม้จะเหลือเครื่องยนต์แค่เครื่องเดียวก็ตาม แต่หากเครื่องยนต์ล้มเหลวทั้ง 2 ตัวจะเกิดอะไรขึ้น?
ภาพจากคลิปวิดีโอแสดงให้เห็นว่า AI 171 ประสบปัญหาในการไต่ระดับขึ้นสู่ท้องฟ้า เหมือนกับขาดกำลังหรือแรงดันไอพ่น โดยหนึ่งในสาเหตุที่เป็นไปได้คือ การที่เครื่องยนต์ทั้ง 2 ตัวล้มเหลวพร้อมกัน ซึ่งเป็นสิ่งที่เกิดขึ้นได้ยากมาก
และหากสาเหตุเกิดจากเรื่องนี้จริง ก็มีคำถามตามมาอีกว่า เครื่องบินได้เปิดระบบ Ram Air Turbine (RAT) ซึ่งเป็นระบบใบพัดฉุกเฉินที่จะทำงานเมื่อเครื่องยนต์หลักล้มเหลวในการให้กำเนิดพลังงานไปยังระบบที่จำเป็น หรือไม่
นักบินอาวุโสคนหนึ่งบอกกับสำนักข่าว บีบีซี ว่า การที่เครื่องยนต์ล้มเหลวทั้ง 2 ตัวอาจเป็นผลมาจากมีการปนเปื้อนในเชื้อเพลิงหรือมีการอุดตัน เพราะเครื่องยนต์ต้องมีระบบปั๊มสูบเชื้อเพลิงที่แม่นยำ หากระบบติดขัด ก็อาจทำให้เครื่องได้รับเชื้อเพลิงไม่พอ ทำให้เครื่องยนต์ชัตดาวน์
แต่ภาพจากคลิปวิดีโออย่างเดียวไม่อาจใช้ฟันธงได้ว่า เกิดการล้มเหลวของเครื่องยนต์ทั้ง 2 ตัว โดยบริษัท “จีอี แอโรสเปซ” (GE Aerospace) ผู้ผลิตเครื่องยนต์เครื่องบินรายใหญ่ ส่งทีมงานไปอินเดียเพื่อช่วยในการสืบสวนแล้ว เช่นเดียวกับสายการบินโบอิ้ง

เครื่องบินชนนก?
อีก 1 ความเป็นไปได้ที่อาจเป็นปัจจัยทำให้ AI 171 ตก คือการชนนก เพราะการชนนกแค่ตัวเดียวก็อาจทำอันตรายร้ายแรงต่อเครื่องบินได้แล้ว โดยในกรณีร้ายแรง เครื่องยนต์อาจสูญเสียกำลังหลังจากดูดเอานกเข้าไป เหมือนกรณีที่เกิดขึ้นกับเครื่องบินโดยสารของ เจจู แอร์ ที่ตกในเกาหลีเมื่อปีก่อนจนมีผู้เสียชีวิต 179 ศพ
ผู้เชี่ยวชาญและนักบินหลายคนที่คุ้นเคยกับสนามบินเมืองอาห์เมดาบัด บอกกับ บีบีซี ว่า ที่แห่งนี้มีชื่อเสียงในทางที่ไม่ดีเรื่องนก เพราะมันอยู่ทุกที่ทุกเวลา
ตัวเลขสถิติยิ่งตอกย้ำความจริงข้อนี้ โดยรัฐคุชราต ซึ่งเป็นที่ตั้งของเมืองอาห์เมดาบัด รายงานว่าเกิดเหตุเครื่องบินชนนกถึง 462 ครั้งภายใน 5 ปีที่ผ่านมา ส่วนใหญ่เกิดที่ท่าอากาศยานนานาชาติ ซาร์ดาร์ วัลลัภไบ เพเทล โดยในช่วงปี 2565-2566 เครื่องบินชนนกที่อาห์เมดาบัด 38 ครั้ง เพิ่มจาก 12 เดือนก่อนหน้านั้นถึง 35%
หนึ่งในตัวอย่างเหตุเครื่องบินชนนกที่เป็นที่รู้จักมากที่สุดคือเหตุการณ์ “ปาฏิหาริย์ที่แม่น้ำฮัดสัน” เมื่อปี 2552 เครื่องบินแอร์บัส เอ320 ของยูเอสแอร์เวย์ส ชนนกจนเครื่องยนต์ดับทั้งสองข้าง หลังออกเดินทางสนามบินลาการ์เดีย ในนิวยอร์กได้ไม่นาน แต่นักบินสามารถนำเครื่องลงจอดบนผิวแม่น้ำฮัดสันได้โดยไม่มีผู้เสียชีวิตแม้แต่รายเดียว
อย่างไรก็ตาม เหตุการณ์ในปี 2552 เครื่องบินชนฝูงนกนางนวลตอนอยู่ที่ความสูง 2,700 ฟุต (ราว 823 ม.) หรือมากกว่า 4 เท่าของเที่ยวบินแอร์อินเดียลำนี้ ที่นักบินไม่มีความสูงที่จำเป็นเพื่อแก้ไขสถานการณ์ใดๆ ได้
...

ปีกสร้างแรงยกทำงานไม่ถูกต้อง?
ปีกสร้างแรงยก หรือที่รู้จักกันว่า “แฟลบ” (flap) ซึ่งมีลักษณะคลื่นบานพับบริเวณขอบปีกเครื่องบิน มีหน้าที่เพิ่มแรงยกให้เครื่องบินบินขึ้นได้เร็วและสูงขึ้น หรือเพิ่มแรงต้านช่วยให้ลดความเร็วได้เร็วขึ้น
แฟลบมีความสำคัญมากในตอนที่เครื่องบินเทคออฟ เนื่องจากมันจะช่วยให้เครื่องบินสร้างแรงไต่ระดับสูงสุด ในขณะที่ความเร็วของเครื่องยังต่ำอยู่ แต่หากมันทำงานได้อย่างไม่ถูกต้อง เครื่องบินที่บรรทุกมาเต็มความจุ ไม่ว่าจะผู้โดยสารหรือเชื้อเพลิงหนักเพื่อเดินทางไกล และต้องเผชิญกับอากาศร้อน ก็อาจประสบปัญหาในการไต่ระดับ
นายอามิต ชาห์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยของอินเดียยืนยันว่า AI 171 บรรทุกเชื้อเพลิง 100 ตัน เรียกได้ว่าเต็มถัง ตอนออกเดินทาง ขณะที่เมืองอาห์เมดาบัดมีอุณหภูมิสูงเกือบ 40 องศาเซลเซียสในวันเกิดเหตุ ทำให้อากาศเบาบาง แฟลบต้องถูกปรับให้สูงกว่าปกติ และต้องใช้ไอพ่นเครื่องยนต์มากขึ้น ซึ่งในสภาพนี้หากเกิดข้อผิดพลาดเพียงเล็กน้อย ก็อาจก่อให้เกิดหายนะได้
แต่การเทคออฟโดยที่เปิดแฟลบไม่ถูกต้อง จะทำให้ระบบเตือนข้อผิดพลาดในการขึ้นบินของโบอิ้ง 787 ทำงาน แจ้งลูกเรือทราบว่ามีการตั้งค่าไม่ถูกต้องเพื่อปรับแก้ไข การขึ้นบินโดยตั้งค่าแฟลบผิดจึงไม่น่าเกิดขึ้นได้ ขณะที่ภาพจากคลิปวิดีโอก็ไม่ชัดเจน ทำให้บอกไม่ได้ว่า ตอนเกิดเหตุแฟลบมีลักษณะอย่างไร
...

หรือปัจจัยจากมนุษย์?
อย่างที่ระบุไปข้างต้น การเทคออฟโดยที่เครื่องบินบรรทุกเชื้อเพลิง, ผู้โดยสาร และสินค้าเต็มความจุ ท่ามกลางอากาศร้อนซึ่งทำให้อากาศเบาบาง เป็นสิ่งที่ท้าทายมากๆ สำหรับนักบิน แต่กัปตันและผู้ช่วยนักบินของ AI 171 ล้วนแต่เป็นผู้มีประสบการณ์สูง
กัปตันของเที่ยวบิน AI 171 คือนายสุมีต สภาวัล (Sumeet Sabharwal) ส่วนผู้ช่วยนักบินคือนายไคลฟ์ กุนดาร์ (Clive Kundar) ทั้งสองคนเป็นนักบินมากประสบการณ์ มีชั่วโมงบินรวมกันมากกว่า 9,000 ชั่วโมง โดยเฉพาะนายสภาวัลเป็นนักบินของเที่ยวบินพาณิชย์มานานถึง 22 ปีแล้ว
ขณะที่ผู้เชี่ยวชาญหลายคนก็ไม่เชื่อว่าจะเกิดความผิดพลาดในการตั้งค่าแฟลบ โดยนายมาร์โก ชาน อดีตนักบิน บอกกับ บีบีซี ว่า “นักบินเป็นผู้ตั้งค่าแฟลบด้วยตัวเอง ก่อนนำเครื่องขึ้นบิน และมีรายการตรวจสอบกับกระบวนการมากมายเพื่อยืนยันความถูกต้องของการตั้งค่า”
“แต่หากแฟลบตั้งค่าไม่ถูกต้อง นั่นชี้ให้เห็นว่ามีความผิดพลาดของมนุษย์เกิดขึ้น”
ผู้เขียน : ทิตชนม์ สว่างศรี
ที่มา : bbc , independent
...