นางคาเรน แบสส์ นายกเทศมนตรีนครลอสแอนเจลิส ประกาศมาตรการห้ามออกนอกเคหสถานหรือเคอร์ฟิว ในพื้นที่บางส่วนของย่านใจกลางเมือง หลังจากมีการทำลายทรัพย์สินจากเหตุประท้วงต่อต้านเจ้าหน้าที่ตรวจคนเข้าเมือง

นางคาเรน แบสส์ นายกเทศมนตรีนครลอสแอนเจลิส กล่าวว่าเธอได้ประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินในพื้นที่และประกาศเคอร์ฟิวในเขตใจกลางเมืองลอสแองเจลิส เพื่อหยุดยั้งการทำลายทรัพย์สิน โดยเคอร์ฟิวจะมีผลครอบคลุมพื้นที่ในรัศมี 1 ตารางไมล์ หรือราว 2.6 ตารางกิโลเมตร จากย่านใจกลางเมือง ตั้งแต่เวลา 20.00 น. ของวันที่ 10 มิถุนายน จนถึงเวลา 06.00 น. ของวันที่ 11 มิถุนายน ตามเวลาท้องถิ่น

นายจิม แมคดอนเนลล์ ผู้บัญชาการตำรวจลอสแองเจลิส กล่าวว่าเคอร์ฟิวเป็นมาตรการที่จำเป็นเพื่อรักษาชีวิตและปกป้องทรัพย์สิน หลังจากเกิดความไม่สงบในเมืองติดต่อกันหลายวัน เขาย้ำว่าผู้ที่ฝ่าฝืนเคอร์ฟิวโดยไม่มีข้อยกเว้น (เช่น ผู้ที่เดินทางไปทำงานและสื่อมวลชน) จะถูกจับกุม และให้รายละเอียดเพิ่มเติมว่าเคอร์ฟิวไม่มีผลบังคับใช้กับผู้อยู่อาศัยในพื้นที่ที่กำหนด หรือผู้ที่ประสบปัญหาการไร้ที่อยู่อาศัย รวมไปถึงสื่อมวลชนที่ได้รับอนุญาต เขากล่าวว่ามีผู้ถูกจับกุม 27 คนในวันเสาร์ 40 คนในวันอาทิตย์ 114 คนในวันจันทร์ และ 197 คนจนถึงขณะนี้

ด้านนายแกวิน นิวซัม ผู้ว่าการรัฐแคลิฟอร์เนีย กล่าวโจมตีประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ ที่จุดชนวนสถานการณ์ในแอลเอให้ลุกลาม "การใช้อำนาจในทางมิชอบของประธานาธิบดีคนปัจจุบันได้จุดชนวนสถานการณ์ที่ตึงเครียด ส่งผลให้ประชาชน เจ้าหน้าที่ และแม้แต่กองกำลังป้องกันชาติของเราตกอยู่ในความเสี่ยง"

นายนิวซัมยังตั้งคำถามถึงความเกี่ยวข้องของกองกำลังป้องกันชาติในการจัดการกับการประท้วงในแอลเอ "พวกเขาเป็นชายและหญิงที่ได้รับการฝึกอบรมสำหรับการสู้รบในต่างประเทศ ไม่ใช่การบังคับใช้กฎหมายในประเทศ" นิวซัมกล่าวโดยอ้างถึงการส่งกองกำลังป้องกันชาติที่สั่งการโดยทรัมป์ ซึ่งขณะนี้มีจำนวน 4,000 นาย "เราให้เกียรติการทำงานของพวกเขา เราให้เกียรติความกล้าหาญของพวกเขา เราไม่ต้องการให้ถนนของเราถูกกองกำลังติดอาวุธของเราเองเข้ามาควบคุมดูแล ไม่ว่าจะเป็นในแอลเอ หรือในแคลิฟอร์เนีย"

...

ขณะที่นาวิกโยธินสหรัฐหลายร้อยนายเดินทางมาถึงพื้นที่ลอสแองเจลิสเมื่อวันอังคาร (10 มิ.ย.) ตามคำสั่งของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ทั้งนี้ มาตรการพิเศษของทรัมป์ในการส่งหน่วยป้องกันชาติและนาวิกโยธินไปปราบปรามการประท้วงซึ่งปะทุขึ้นเพื่อตอบสนองต่อปฏิบัติการกวาดล้างผู้อพยพ ทำให้เกิดการประท้วงเป็นวันที่ห้าในลอสแองเจลิส และยังจุดชนวนให้เกิดการประท้วงในเมืองอื่นๆ อีกหลายแห่ง

โดยทรัมป์ซึ่งได้รับเลือกกลับเข้ารับตำแหน่งเมื่อปีที่แล้ว ซึ่งส่วนหนึ่งเป็นเพราะคำมั่นในการหาเสียงของเขาในการเนรเทศผู้อพยพที่ไม่มีเอกสาร ได้กล่าวสุนทรพจน์ยกย่องทหารเพื่อปกป้องการตัดสินใจของเขา เขากล่าวกับกองทหารที่ฐานทัพในเมืองฟอร์ตแบรกก์ รัฐนอร์ทแคโรไลนา ว่า "วีรบุรุษของกองทัพหลายชั่วอายุคนไม่ได้เสียสละเลือดเนื้อเพื่อแผ่นดินอันห่างไกลเพียงเพื่อมองดูประเทศของเราถูกทำลายล้างด้วยการรุกรานและการละเมิดกฎหมายของโลกที่สาม"

"สิ่งที่คุณกำลังเห็นในแคลิฟอร์เนียคือการโจมตีสันติภาพ ความสงบเรียบร้อยของประชาชน และอำนาจอธิปไตยของชาติอย่างเต็มรูปแบบ ซึ่งกระทำโดยผู้ก่อจลาจลที่ถือธงต่างประเทศ" ทรัมป์กล่าว และเสริมว่ารัฐบาลของเขาจะ "ปลดปล่อยลอสแองเจลิส"

ด้านผู้ประท้วงโบกธงชาติเม็กซิโกและประเทศอื่นๆ เพื่อแสดงความเป็นอันหนึ่งอันเดียวกันกับผู้อพยพที่ถูกจับกุมเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ

กระทรวงความมั่นคงแห่งมาตุภูมิ เปิดเผยเมื่อวันจันทร์ว่า กองตรวจคนเข้าเมืองและศุลกากรได้จับกุมผู้กระทำความผิดฐานอพยพได้ 2,000 รายต่อวันเมื่อไม่นานนี้ ซึ่งสูงกว่าค่าเฉลี่ย 311 รายต่อวันในปีงบประมาณ 2024 ในสมัยอดีตประธานาธิบดีโจ ไบเดน อย่างมาก

เจ้าหน้าที่สหรัฐฯ กล่าวว่ามีทหารนาวิกโยธินประมาณ 700 นายอยู่ในพื้นที่เตรียมการในพื้นที่ซีลบีช ซึ่งอยู่ห่างจากลอสแองเจลิสไปทางใต้ประมาณ 50 กม. เพื่อรอการส่งกำลังไปประจำการในสถานที่เฉพาะ

เจ้าหน้าที่สหรัฐฯ กล่าวว่าเมื่อวันที่ 10  มิ.ย. มีทหารหน่วยป้องกันชาติ 2,100 นาย อยู่ในพื้นที่ลอสแองเจลิส ซึ่งมากกว่าครึ่งหนึ่งจาก 4,000 นายที่ถูกส่งไปประจำการ นาวิกโยธินและกองกำลังป้องกันชาติไม่มีอำนาจในการจับกุมและจะถูกตั้งข้อหาเพียงการปกป้องทรัพย์สินและบุคลากรของรัฐบาลกลางเท่านั้น.

ที่มา BBC Reuters

อ่านข่าวเพิ่มเติม https://www.thairath.co.th/news/foreign