"เตีย เซฮา" รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.กลาโหมกัมพูชา ออกแถลงการณ์ยืนยันว่า ได้ปฏิเสธข้อเสนอของนายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.กลาโหมไทย ระหว่างการหารือเมื่อวันที่ 5 มิ.ย.ที่ผ่านมา ที่จะให้กัมพูชาถอนกำลังทหารออกไปจากจุดใกล้ศาลาตรีมุข ระบุชัด ทหารกัมพูชาประจำพื้นที่พิพาทมานาน ไม่สามารถถอนกำลังได้ และพื้นที่ดังกล่าวอยู่ในเขตอธิปไตยของกัมพูชา
วันที่ 6 มิถุนายน 2568 เว็บไซต์ข่าวพนมเปญโพสต์ ของกัมพูชา รายงานว่า กระทรวงกลาโหมกัมพูชาได้เผยแพร่แถลงการณ์ของ เตีย เซฮา รองนายกรัฐมนตรี และ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ที่ระบุว่า ในการหารือกับนายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมไทย เมื่อวันที่ 5 มิ.ย.ที่ผ่านมานั้น ในส่วนของข้อเสนอฝ่ายไทย ที่ต้องการให้กัมพูชาถอนทหารจากจุดที่ตั้งใกล้กับพื้นที่สำนักงานร่วม หรือศาลาตรีมุข และกลับไปอยู่ในจุดเดิมเมื่อปี 2567 ก่อนที่ศาลาตรีมุขจะถูกไฟไหม้ ฝ่ายกัมพูชายืนกรานปฏิเสธ เนื่องจากเป็นจุดที่อยู่ในเขตอธิปไตยของกัมพูชา และอยู่ภายใต้การควบคุมของกัมพูชามานานแล้ว
อย่างไรก็ตาม ทั้งสองฝ่ายตกลงที่จะลดความตึงเครียดระหว่างกัน โดยจะคงช่องทางการสื่อสารระหว่างกัน ทำความเข้าใจซึ่งกันและกัน และรักษาการเจรจาอย่างสันติต่อไป เพื่อหลีกเลี่ยงการปะทะทางทหาร ซึ่งกัมพูชาและไทยตกลงกันที่จะดำเนินการเจรจาผ่านกลไกทวิภาคีที่มีอยู่ ซึ่งรวมถึงกลไกคณะกรรมาธิการเขตแดนร่วม หรือ JBC กลไกคณะกรรมการชายแดนทั่วไป หรือ GBC และกลไกคณะกรรมการชายแดนส่วนภูมิภาค หรือ RBC เพื่อแก้ไขประเด็นที่ยังเป็นปัญหาและคงความร่วมมือระหว่างสองฝ่าย
พร้อมกันนี้ได้ย้ำด้วยว่า ปัญหาหลักที่ทำให้ไม่สามารถหาจุดร่วมในการกำหนดพรมแดนได้ คือการที่ไทยและกัมพูชาใช้แผนที่คนละชุดและคนละมาตราส่วน ซึ่งยากต่อการตีความให้ตรงกัน เขายังเน้นย้ำว่ากัมพูชายังคงเคารพบันทึกความเข้าใจ ปี 2543 เช่นที่ได้ยึดถือมาตลอดในอดีต.
...
ที่มา Phanom Penh Post