เด็กหญิงวัยเพียง 10 ขวบในรัฐพิหารของอินเดีย ตกเป็นเหยื่อการข่มขืน ก่อนที่เธอจะเสียชีวิตโดยลุงของเธออ้างว่า เธอได้รับการรักษาช้า จนเกิดกระแสความไม่พอใจเป็นวงกว้าง

สำนักข่าวต่างประเทศรายงานว่า เด็กหญิงวัย 10 ขวบ ซึ่งไม่สามารถเปิดเผยชื่อได้ตามกฎหมายของอินเดีย เสียชีวิตที่โรงพยาบาลมหาวิทยาลัยแพทย์ปัฏนา (PMCH) เมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา (1 มิ.ย. 2568) ที่เมืองปัฏนา เมืองเอกของรัฐพิหาร ทางตะวันออกของประเทศอินเดีย

ลุงของเด็กหญิงรายนี้อ้างว่า อาการของเด็กทรุดลงเมื่อวันเสาร์ และเธอต้องรออยู่ในรถพยาบาลนานกว่า 4 ชั่วโมงกว่าจะได้แอดมิตเข้าโรงพยาบาล แต่เจ้าหน้าที่ของโรงพยาบาล PMCH ออกมาปฏิเสธ และระบุว่าเป็นข้อกล่าวหาที่ไม่มีมูล

อย่างไรก็ตาม การเสียชีวิตของเด็กหญิงรายนี้กลายเป็นข่าวใหญ่ไปทั่วประเทศ โดยผู้นำฝ่ายค้านโจมตีรัฐบาลของรัฐพิหาร ซึ่งบริหารโดย พรรคภารตียชนตา (BJP) กับพรรคชนตา-ดาล ยูไนเต็ด (JD-U) ว่าบริหารจัดการผิดพลาดเป็นวงกว้าง ขณะที่ฝ่ายรัฐบาลปฏิเสธ

ทั้งนี้ เด็กหญิงที่เสียชีวิตมาจากวรรณะดาลิต ซึ่งเป็นชนชั้นต่ำสุดของลำดับวรรณะฮินดู และมักถูกปฏิบัติอย่างไม่เป็นธรรม แม้ว่าอินเดียจะออกกฎหมายมากมายเพื่อปกป้องคนกลุ่มนี้ก็ตาม

หลังจากเกิดกระแสความไม่พอใจในหมู่ประชาชน คณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ กับคณะกรรมการแห่งชาติเพื่อสตรี ของอินเดีย ก็ออกมาวิพากษ์วิจารณ์เหตุการณ์ที่เกิดขึ้น และเรียกร้องให้มีการสืบสวนบทบาทของโรงพยาบาล PMCH ในเหตุการณ์นี้

อนึ่ง เด็กหญิงผู้เคราะห์ร้ายตกเป็นเหยื่อการข่มขืนในวันที่ 26 พ.ค. โดยคนร้ายเป็นชายที่อาศัยอยู่ใกล้บ้านป้าของเธอในเมืองมูซาฟฟาร์ปุระ ซึ่งตำรวจจับกุมตัวเขาได้แล้ว และกำลังอยู่ระหว่างการสืบสวนข้อเท็จจริง

...

ในวันเกิดเหตุ เด็กหญิงรายนี้หายตัวไปหลังจากออกไปเล่นนอกบ้าน ก่อนที่สมาชิกครอบครัวจะพบเธอนอนบาดเจ็บอยู่ใกล้ถนนรถวิ่ง ขณะที่ตำรวจบอกกับผู้สื่อข่าวว่า เธอมีบาดแผลถูกมีดแทงหลายแห่ง

ตอนแรก เธอถูกพาไปรักษาที่โรงพยาบาลท้องถิ่น ก่อนจะส่งต่อไปยังโรงพยาบาลมหาวิทยาลัยศรีกฤษณะ (SKMCH) ซึ่งห่างจากเมืองปัฏนาถึง 85 กม.

น.ส.กุมารี วิภา ผู้อำนวยการโรงพยาบาล SKMCH บอกกับสำนักข่าวบีบีซี ว่า เด็กหญิงมีบาดแผลหลายแห่ง รวมถึงที่ศีรษะ, หน้าอก และลำคอ โดยอาการของเธอทรงตัว แต่ต้องถูกส่งตัวไปยังโรงพยาบาล PMCH เพื่อรับการผ่าตัดซ่อมแซมหลอดลม

อย่างไรก็ตาม ลุงของเด็กอ้างว่า หลังจากต้องรอรถพยาบาลนานถึง 4 ชั่วโมง และหลังจากถึงโรงพยาบาล PMCH แล้ว เด็กยังต้องถูกส่งจากแผนกหนึ่งไปยังแผนกหนึ่ง ก่อนที่ในที่สุดเธอจะได้แอดมิตที่แผนกนรีเวช

ทางโรงพยาบาล PMCH ปฏิเสธข้อกล่าวหาดังกล่าว และอธิบายว่า ตอนแรกครอบครัวพาเด็กไปแอดมิตที่แผนกกุมารเวช ก่อนที่เด็กถูกส่งตัวไปที่แผนกหู คอ จมูก เนื่องจากอาการบาดเจ็บของเธอ แต่เนื่องจากโรงพยาบาลนี้ไม่มีห้องไอซียูในแผนกหู คอ จมูก เด็กจึงถูกส่งไปเข้าห้องไอซียูของแผนกนรีเวชแทน

PMCH ยืนยันด้วยว่า เด็กถูกส่งมายังโรงพยาบาลด้วยรถพยาบาลพยุงชีพขั้นสูง (Advance Life Support ambulance) ซึ่งมีอุปกรณ์สำหรับช่วยเหลือนภาวะวิกฤต พร้อมปฏิเสธข้อกล่าวหาที่ว่า เด็กต้องรอในรถพยาบาลหลายชั่วโมง กว่าทางโรงพยาบาลจะมีเตียงให้เธอแอดมิต

ติดตามข่าวต่างประเทศ : https://www.thairath.co.th/news/foreign

ที่มา : bbc