- เมื่อวันอาทิตย์ ยูเครนเริ่มปฏิบัติการ “ใยแมงมุม” ส่งโดรนโจมตีฐานทัพอากาศของรัสเซียหลายแห่ง สร้างความเสียหายให้แก่เครื่องบินทิ้งระเบิดหลายสิบลำ
- กองทัพยูเครนเปิดเผยว่า ปฏิบัติการนี้ใช้เวลาวางแผนและเตรียมการนานกว่า 1 ปีครึ่ง และมันกลายเป็นการโจมตีอย่างมีนัยสำคัญที่สุดของยูเครน นับตั้งแต่สงครามกับรัสเซียเริ่มขึ้นเมื่อ 3 ปีก่อน
- ยูเครนอ้างว่า การโจมตีครั้งนี้สร้างความเสียหายหรือทำลายเครื่องบินทิ้งระเบิดของรัสเซียไปถึง 34% และทำให้เกิดความเสียหายมูลค่าถึง 7 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ
ปฏิบัติการการโจมตีด้วยโดรนของยูเครนเมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา (1 มิ.ย. 2568) ซึ่งมุ่งเป้าหมายไปที่ฐานทัพอากาศหลายแห่งลึกเข้าไปในรัสเซีย ถูกยกให้เป็นการโจมตีอย่างมีนัยสำคัญที่สุดของฝ่ายยูเครน นับตั้งแต่สงครามเริ่มต้นขึ้น และที่สำคัญที่สุด มันผ่านการวางแผนมาอย่างดีและบังคับใช้อย่างไร้ที่ติ
การโจมตีที่เกิดขึ้นเป็นส่วนหนึ่งของปฏิบัติการที่มีชื่อว่า “ใยแมงมุม” และขอบเขตของมันก็ชัดเจนทันทีที่มันเริ่มขึ้น ด้วยรายงานเหตุระเบิดในหลายพื้นที่ของรัสเซีย ตั้งแต่แคว้นเมอร์มานสก์ ทางตอนเหนือ ซึ่งเลยเส้นอาร์กติกเซอร์เคิลขึ้นไปอีก ไปจนถึงตะวันออกไกลอย่างแคว้นอามูร์ ที่ห่างจากยูเครนถึง 8,000 กม.
กระทรวงกลาโหมรัสเซียยืนยันว่า การโจมตีเกิดขึ้นใน 5 แคว้น ได้แก่ เมอร์มานสก์, เออร์คุตสก์, อิวาโนโว, รียาซาน และอามูร์ แต่อ้างว่ามีเพียงเครื่องบินในเมอร์มานสก์กับเออร์คุตสก์เท่านั้นที่ได้รับความเสียหาย ส่วนการโจมตีที่อื่นถูกตีโต้กลับไปได้
อย่างไรก็ดี ยูเครนโจมตีในจุดที่สามารถสร้างความแตกต่างได้ พวกเขาสร้างความเสียหายหรือทำลายเครื่องบินรบที่รัสเซียใช้โจมตีพวกเขาอยู่แทบทุกวัน โดยสำนักงานความมั่นคงยูเครน (SBU) อ้างว่า การโจมตีของพวกเขาโดยเครื่องบินกองทัพรัสเซีย 41 ลำ รวมถึงเครื่องบินทิ้งระเบิดเชิงยุทธศาสตร์และเครื่องบินลาดตระเวน
...

โจมตีจากภายในรัสเซีย
เป้าหมายการโจมตีของยูเครนคือฐานทัพอากาศที่อยู่ลึกเข้าไปในดินแดนของรัสเซีย โดยไกลสุดคือฐานทัพยูเครนกา ในแคว้นอามูร์ ซึ่งห่างจากชายแดนยูเครนถึง 5,800 กม. ตามด้วยฐานทัพอากาศ บาลายา ในแคว้นเออร์คุตสก์ ที่ห่างจากชายแดนประมาณ 4,500 กม.
ส่วนเป้าหมายอื่นๆ คือฐานทัพโอเลเนีย ในแคว้นเมอร์มานสก์ ห่างจากยูเครน 2,000 กม. ตามด้วยฐานทัพดีอากีเลฟ ในแคว้นรียาซาน ซึ่งห่างจากชายแดนรัสเซีย-ยูเครน 52 กม. และฐานทัพอากาศอิวาโนโว ซึ่งเป็นจุดจอดเครื่องบินลำเลียงของกองทัพรัสเซีย อยู่ห่างจากชายแดนราว 800 กม.
ระยะทางที่ห่างไกลจากชายแดนยูเครนมากนี้อาจทำให้รัสเซียประมาท เครื่องบินรบของรัสเซียในฐานทัพบาลายา จอดในพื้นที่โล่งแจ้งกลางลานบิน ชนิดที่กล้องดาวเทียมสามารถถ่ายเห็นได้อย่างชัดเจน รวมถึงเห็นได้ในกูเกิลแมพด้วย คาดว่ารัสเซียคงเชื่อว่า ฐานทัพแห่งนี้อยู่ไกลพอและปลอดภัยการโจมตีของยูเครน
ที่ผ่านมา รัสเซียมีแสนยานุภาพทางอากาศเหนือกว่ายูเครนมาโดยตลอด ฝ่ายเคียฟต้องรอรับความช่วยเหลือจากชาติพันธมิตร ซึ่งจัดหามิสไซล์พิสัยไกลชนิดต่างๆ มาให้รวมถึง ATACMS ของสหรัฐฯ และ สตอร์มชาโดว์ ของอังกฤษและฝรั่งเศส แต่ไม่มีมิสไซล์ชนิดใดเลยที่มีพิสัยทำการพอยิงลึกเข้าไปในรัสเซียได้
ยูเครนจึงหันมาใช้โดรนในการโจมตีเป้าหมายต่างๆ ในรัสเซีย รวมทั้งกรุงมอสโก แต่โดรนมีความเร็วต่ำ ทำให้ถูกสกัดได้ง่าย พวกเขาจึงคิดหาวิธีการใหม่ๆ และได้แผนการสุดบ้าบิ่น คือแทนที่จะส่งโดรนบินเข้าไปจากชายแดน พวกเขาตัดสินใจลักลอบนำโดรนเข้าไปใกล้เป้าหมายก่อน แล้วจึงค่อยเปิดฉากโจมตี และนั่นคือปฏิบัติการ “ใยแมงมุม”

ใช้เวลาเตรียมการ 1 ปีครึ่ง
พลเอกวาซีล มาลิอุค หัวหน้าสำนักงานความมั่นคงยูเครน (SBU) เปิดเผยรายละเอียดเกี่ยวกับปฏิบัติการใยแมงมุม ว่าพวกเขาลักลอบขนโดรนเข้าไปภายในรัสเซีย โดยซุกซ่อนเอาไว้ในกล่องไม้ขนไปบนรถบรรทุก โดยซ่อนโดรนในช่องลับใต้หลังคาตู้ซึ่งสามารถเปิดปิดได้อย่างระยะไกล
จากนั้น รถบรรทุกดังกล่าวซึ่งขับโดยคนท้องถิ่นที่ดูเหมือนจะไม่รู้ว่ามีอะไรอยู่ในตู้สินค้าของพวกเขา ก็ถูกพาไปยังสถานที่ใกล้กับฐานทัพอากาศในหลายพื้นที่ของรัสเซีย ก่อนที่โดรนจะถูกควบคุมจากระยะไกลให้บินออกจากช่องลับ แล้วเข้าโจมตีเป้าหมาย
ภาพวิดีโอที่เผยแพร่บนโลกออนไลน์ แสดงให้เห็นโดรนบินออกจากหลังคาหนึ่งในรถบรรทุกที่เกี่ยวข้อง ขณะที่คนขับรถรายหนึ่งให้สัมภาษณ์กับ อาร์ไอเอ โนวอสติ สื่อของรัสเซียว่า เขากับคนขับรถคนอื่นๆ พยายามปาก้อนหินเพื่อสอยโดรนลงมา แต่ทำไม่สำเร็จ
ด้านอินฟลูเอนเซอร์รัสเซียจากช่อง บาซา (Baza) บนเทเลแกรมมีรายงานที่ไม่ได้รับการยืนยันว่า คนขับรถบรรทุกบอกเล่าเรื่องราวคล้ายกันว่า พวกเขาถูกว่าจ้างโดยนักธุรกิจหลายคนให้ขับรถบรรทุกตู้ไม้นี้ไปยังสถานที่หลายแห่งในรัสเซีย บางคนบอกด้วยว่า พวกเขาได้รับข้อมูลเพิ่มเติมเรื่องจุดจอดรถผ่านทางโทรศัพท์ และตกใจมากที่เห็นโดรนบินออกจากตู้
ในโพสต์ประกาศชัยชนะของ โวโลดีเมียร์ เซเลนสกี ประธานาธิบดียูเครน ที่เผยแพร่ในคืนวันอาทิตย์ ว่า มีโดรน 117 ลำถูกใช้ในปฏิบัติการนี้ ซึ่งใช้เวลาในการวางแผนและเตรียมการกว่า 1 ปี 6 เดือน กับอีก 9 วัน และว่าหนึ่งในเป้าหมายตั้งอยู่ใกล้สำนักงานใหญ่ของหน่วยความมั่นคงกลาง (FSB) ของรัสเซียด้วย
ส่วนฝ่ายรัสเซีย พวกเขาระบุว่าจับกุมตัวผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการโจมตีได้หลายราย แต่นายเซเลนสกีอ้างว่า ผู้ที่อำนวยความสะดวกให้แก่ปฏิบัติการนี้ ถอนตัวออกจากดินแดนของรัสเซียหมดแล้ว
...

ควบคุมโดรนจากระยะไกล
ภาพที่เผยแพร่โดย SBU แสดงให้เห็นโดรนสีดำขนาดเล็กหลายสิบลำวางเรียงกันอย่างเป็นระเบียบอยู่ภายในกล่องไม้ ภายในโกดังเก็บของแห่งหนึ่ง ซึ่งบล็อกเกอร์สายทหารของรัสเซียอ้างว่าโกดังแห่งนี้อยู่ในเมืองเชเลียบินสก์ ในแคว้นชื่อเดียวกันทางตะวันตกเฉียงใต้ของรัสเซีย
ดร.สตีฟ ไรท์ ผู้เชี่ยวชาญด้านโดรนในสหราชอาณาจักรบอกกับสำนักข่าว บีบีซี ว่า โดรนดังกล่าวเป็นโดรน 4 ใบพัดธรรมดาที่สามารถบรรทุกของหนักได้
แต่สิ่งที่เขามองว่าทำให้ปฏิบัติการครั้งนี้เป็นเรื่องเหนือธรรมดา คือความสามารถในการลักลอบนำโดรนเหล่านี้ไปเข้าไปในรัสเซีย และควบคุมมันให้โจมตีจากระยะไกล ซึ่ง ดร.ไรท์คาดว่าอาจใช้การเชื่อมต่อผ่านดาวเทียมหรืออินเทอร์เน็ต ขณะที่นายเซเลนสกีระบุว่า โดรนทั้ง 117 ลำมีคนควบคุมเป็นของตัวเอง
ด้านแหล่งข่าวคนหนึ่งในโครงการพัฒนาโดรนของยูเครน บอกกับซีเอ็นเอ็น ว่า ผู้ควบคุมโดรนเหล่านี้อาจไม่ได้อยู่ใกล้จุดที่โดรนถูกส่งออกไปโจมตี พวกเขาน่าจะตั้งศูนย์กลางการเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตเพื่อควบคุมโดรนจากระยะไกล โดยอาจใช้เพียงโทรศัพท์มือถือของรัสเซียเป็นอุปกรณ์กระจายสัญญาณ
ยูเครนไม่เปิดเผยว่าโดรนที่พวกเขาใช้มีที่มาจากที่ใด แต่นับตั้งแต่สงครามเริ่มต้นขึ้น ยูเครนมีความเชี่ยวชาญในการผลิตโดรนเพิ่มขึ้นมาก และเป็นไปได้ว่าโดรนที่ใช้ในการโจมตีครั้งนี้ จะผลิตขึ้นเองภายในประเทศ
...

ความเสียหาย 7 พันล้าน
ตามการเปิดเผยของฝ่ายรัสเซีย โดรนของพวกเขาโจมตีโดนเครื่องบินทิ้งระเบิดเชิงยุทธศาสตร์ของกองทัพรัสเซีย 41 ลำ ซึ่งคิดเป็น 34% ของเครื่องบินประเภทนี้ทั้งหมดที่รัสเซียมีอยู่ และอย่างน้อย 13 ลำในจำนวนนี้ถูกทำลาย
ฝ่ายรัสเซียไม่ยืนยันว่ามีความสูญเสียใดๆ เกิดขึ้น บอกแต่เพียงว่ามีเครื่องบินบางลำถูกไฟไหม้ แต่ภาพจากคลิปวิดีโอซึ่งเผยแพร่โดย SBU แสดงให้เห็นเครื่องบินหลายลำในฐานทัพอากาศโอเลเนีย ในแคว้นเมอร์มานสก์ กับฐานทัพเบลายา ในแคว้นเออร์คุตสก์ ได้รับความเสียหาย
ยูเครนระบุว่าพวกเขาทำลายเครื่องบินรุ่น Tu-95 กับ Tu-22M3 ของรัสเซียไปได้หลายลำ และทำลายเครื่องบินสอดแนม A-50 ที่รัสเซียมีอยู่เพียงน้อยนิดได้ 1 ลำด้วย ขณะที่แหล่งข่าวบอกกับ ซีเอ็นเอ็น ว่า การโจมตีโดนเครื่องบิน Tu-95 จำนวน 27 ลำ, Tu-160 อีก 4 ลำ และ Tu-22M3 อีก 2 ลำ และอาจโดนเครื่อง A-50 ด้วย
ภาพถ่ายดาวเทียมซึ่งเผยแพร่โดยบริษัท “คาเปลลา สเปซ” (Capella Space) แสดงให้เห็นเครื่องบินทิ้งระเบิดพิสัยไกลที่ฐานทัพเบลายา ได้รับความเสียหายอย่างหนักอย่างน้อย 4 ลำ ตรงกับภาพจากคลิปวิดีโอของยูเครน ที่แสดงให้เห็นการโจมตีเครื่องบินทิ้งระเบิด Tu-95
ทั้งนี้ ว่ากันว่าเครื่อง Tu-95 ถูกใช้ในการยิงมิสไซล์ Kh-101 เข้าโจมตีในยูเครนหลายครั้งในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา โดย Tu-95 แต่ละลำสามารถบรรทุกขีปนาวุธร่อนนำวิถีได้ 8 ลูก และแต่ละลูกสามารถบรรทุกหัวรบน้ำหนักสูงสุดถึง 400 กก.
ส่วนเครื่อง A-50 ถูกใช้เพื่อเพิ่มความสามารถของรัสเซียทั้งในโจมตีเป้าหมายในยูเครน และสกัดมิสไซล์ที่ฝ่ายยูเครนยิงเข้าใส่ โดยตามรายงานในปี 2567 ของนายพล คีรีโล บูดานอฟ หัวหน้าหน่วยข่าวกรองของกองทัพยูเครนระบุว่า รัสเซียเหลือเครื่องบิน A-50 เพียง 8 ลำเท่านั้น การสูญเสียหรือความเสียหายใด อาจส่งผลระทบอย่างหนักต่อมอสโก
สำนักงานความมั่นคงยูเครนอ้างด้วยว่า ปฏิบัติการใยแมงมุมสร้างความเสียหายให้แก่รัสเซียถึง 7 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือราว 2.27 แสนล้านบาท
ตามรายงานของสถาบันระหว่างประเทศเพื่อการศึกษายุทธศาสตร์ (IISS) รัสเซียมีเครื่องบินรบ Tu-22M3 อยู่ 55 ลำ และ Tu-95 อีก 57 ลำนับจนถึงช่วงเข้าสู่ปี 2568 ซึ่งหากเป็นจริงตามนี้ เครื่องบิน Tu-95 ของรัสเซียอาจได้รับความเสียหายจากการโจมตีของยูเครนไปเกือบครึ่งแล้ว
...
