ผู้พิพากษาของรัฐบาลกลางมีคำสั่งขยายเวลาคำสั่งชั่วคราวที่ห้ามรัฐบาลของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ เพิกถอนสิทธิ์ของมหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ด ในการรับนักศึกษาต่างชาติ ถือเป็นชัยชนะเบื้องต้นของมหาวิทยาลัยชื่อดังในศึกที่กำลังเผชิญหน้ากับฝ่ายบริหารของทรัมป์

ผู้พิพากษาอัลลิสัน เบอร์รอจห์ แห่งเขตบอสตัน ออกคำสั่งห้ามเบื้องต้น (preliminary injunction) เพื่อยืดอายุคำสั่งคุ้มครองชั่วคราวที่เธอเคยมีคำสั่งไว้เมื่อ 6 วันก่อน ซึ่งขัดขวางไม่ให้รัฐบาลทรัมป์เพิกถอนสิทธิ์ของฮาร์วาร์ดอย่างทันที

ในระหว่างการพิจารณาคดี ฝ่ายรัฐบาลโดยกระทรวงความมั่นคงแห่งมาตุภูมิ (DHS) ได้ส่งหนังสือแจ้งฮาร์วาร์ดว่าจะขยายเวลาให้ 30 วันสำหรับยื่นหลักฐานต่อแผนเพิกถอนสิทธิ์รับนักเรียนต่างชาติ ซึ่งแตกต่างจากท่าทีเมื่อสัปดาห์ก่อนที่ระบุว่าการเพิกถอนมีผลทันที

ทนายจากกระทรวงยุติธรรมให้เหตุผลว่าขณะนี้ไม่มีความจำเป็นต้องมีคำสั่งศาล เพราะทางมหาวิทยาลัยสามารถโต้แย้งได้ผ่านกระบวนการปกครอง

แต่ผู้พิพากษาเบอร์รอจห์ แสดงความไม่ไว้วางใจ โดยระบุว่าแม้กระบวนการจะดำเนินไป แต่ผลลัพธ์ก็อาจกลับมาจุดเดิม พร้อมตั้งข้อสงสัยว่าฝ่ายบริหารปฏิบัติตามคำสั่งชั่วคราวจริงหรือไม่ หลังจากมีหลักฐานจากฮาร์วาร์ดว่า วีซ่าของนักเรียนใหม่บางรายถูกเพิกถอนไปแล้ว

โดยคำสั่งคุ้มครองชั่วคราวจะยังคงมีผลบังคับใช้ต่อไป ขณะที่ทั้งสองฝ่ายยังอยู่ระหว่างเจรจารายละเอียดของคำสั่งห้ามถาวร

...

มีรายงานว่า ในขณะที่ศาลกำลังมีคำสั่งออกมา ที่มหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ดซึ่งอยู่ห่างจากศาลเพียง 8 กิโลเมตร กำลังพิธีมอบปริญญาบัตรให้กับนักศึกษาหลายพันคน โดยอธิการบดีอลัน การ์เบอร์ได้กล่าวต้อนรับผู้สำเร็จการศึกษาว่า "ขอต้อนรับนักศึกษาทุกคน ไม่ว่าจะมาจากถนนใกล้ๆ จากทั่วประเทศและจากทั่วโลก" พร้อมย้ำท้ายประโยคว่า จากทั่วโลก อย่างที่ควรจะเป็น ซึ่งทันที่ที่กล่าวจบก็ได้รับเสียงปรบมือกึกก้องจากทุกคนที่เข้าร่วมพิธี 

ทั้งนี้ รัฐบาลทรัมป์เปิดฉากโจมตีมหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ดในหลายแนวทาง ทั้งการอายัดงบวิจัยหลายพันล้านดอลลาร์ เสนอให้ยกเลิกสถานะองค์กรปลอดภาษี และเปิดการสอบสวนว่าโรงเรียนเลือกปฏิบัติทางเพศหรือเชื้อชาติ โดยเฉพาะต่อชายผิวขาว เอเชีย หรือกลุ่มรักร่วมเพศ

หนึ่งในแนวทางที่กระทบชัดเจนคือ แผนเพิกถอนสิทธิ์ในการรับนักศึกษาต่างชาติ ซึ่งฮาร์วาร์ดระบุว่าจะสร้างความเสียหายอย่างรุนแรง เนื่องจาก นักศึกษากว่า 1 ใน 4 ของทั้งมหาวิทยาลัยเป็นชาวต่างชาติ และเกือบ 60% ของนักศึกษาปริญญาโทจาก Harvard Kennedy School ก็มาจากต่างประเทศ ซึ่งทางมหาวิทยาลัยชี้ว่า การกระทำดังกล่าวเป็นการ "ตอบโต้ทางนโยบายที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน" ซึ่งละเมิดเสรีภาพทางวิชาการอย่างร้ายแรง

หนึ่งวันก่อนหน้า รัฐมนตรีต่างประเทศมาร์โก รูบิโอ ของรัฐบาลทรัมป์ ระบุว่าจะเริ่มดำเนินการอย่างเข้มข้นในการเพิกถอนวีซ่านักเรียนจีนที่ศึกษาในสหรัฐ โดยเฉพาะผู้ที่มีความเชื่อมโยงกับพรรคคอมมิวนิสต์จีน หรือเรียนในสาขาที่มีความสำคัญระดับยุทธศาสตร์ แม้จะไม่ได้ระบุสาขาใดโดยเฉพาะ

ปัจจุบันมีนักเรียนจีนกว่า 275,000 คนศึกษาอยู่ในมหาวิทยาลัยสหรัฐฯ ถือเป็นแหล่งรายได้สำคัญของมหาวิทยาลัย และเป็นแหล่งบุคลากรสำคัญในอุตสาหกรรมเทคโนโลยีของอเมริกา ซึ่งผู้เชี่ยวชาญมองว่าการจำกัดนักศึกษาต่างชาติจะส่งผลเสียระยะยาว และกำลังผลักดันให้ "สมองไหล" ไปยังประเทศอื่นที่เปิดกว้างกว่า โดยเฉพาะนักเรียนจีน ซึ่งเริ่มหันไปหาประเทศอื่นแล้ว ซึ่งถือเป็นการสูญเสียใหญ่หลวงของสหรัฐฯ.

ที่มา : channelnewsasia

คลิกอ่านข่าวเกี่ยวกับ ฮาร์วาร์ด