สหรัฐฯ ตรวจพบนักเดินทางเข้าประเทศในสนามบินหลายแห่ง ติดเชื้อโควิด-19 สายพันธุ์ใหม่ NB.1.8.1 ซึ่งถูกพบในหลายประเทศ และเป็นเชื้อสายพันธุ์หลักในจีน
สำนักข่าวต่างประเทศรายงานว่า ระบบคัดกรองของศูนย์ควบคุมและป้องกันโรค (CDC) ของสหรัฐฯ ที่สนามบินหลายแห่ง ตรวจพบผู้ติดเชื้อไวรัสโควิด-19 สายพันธุ์ใหม่ NB.1.8.1 หลายรายในหมู่นักเดินทางข้ามประเทศที่เข้าสู่สหรัฐฯ โดยเชื้อสายพันธุ์นี้กำลังเป็นสายพันธุ์หลักในการแพร่กระจายที่จีน และถูกตรวจพบแล้วในหลายประเทศ
นักเดินทางข้ามประเทศที่ติดเชื้อดังกล่าวถูกพบที่สนามบินในรัฐแคลิฟอร์เนีย, รัฐวอชิงตัน, เวอร์จิเนีย และนครนิวยอร์ก โดยเป็นนักเดินทางจากหลากหลายประเทศรวมถึง ญี่ปุ่น, เกาหลีใต้, ฝรั่งเศส, ไทย, เนเธอร์แลนด์, สเปน, เวียดนาม, จีน และไต้หวัน ที่รับการตรวจระหว่างวันที่ 22 เม.ย.ถึงวันที่ 12 พ.ค.
หน่วยงานสาธารณสุขในหลายรัฐของสหรัฐฯ รวมถึง โอไฮโอ, โรดไอส์แลนด์ และฮาวาย รายงานพบผู้ติดเชื้อโควิด-19 สายพันธุ์ NB.1.8.1 มาสักพักแล้ว โดยไม่เกี่ยวข้องกับกรณีล่าสุด โดยที่รัฐแคลิฟอร์เนียกับรัฐวอชิงตัน พบผู้ติดเชื้อรายแรกสุดในช่วงปลายเดือนมีนาคมกับต้นเดือนเมษายน
ผู้เชี่ยวชาญกำลังติดตามความเคลื่อนไหวของโควิด NB.1.8.1 ซึ่งตอนนี้กลายเป็นเชื้อสายพันธุ์หลักในประเทศจีนไปแล้ว และกำลังมีการติดเชื้อเพิ่มขึ้นในหลายพื้นที่ของทวีปเอเชีย โดยเจ้าหน้าที่ในฮ่องกงระบุว่า อัตราการติดเชื้อโควิด-19 ในเมืองแห่งนี้ไต่ขึ้นไปจนอยู่ระดับเลวร้ายที่สุดในรอบ 1 ปีแล้ว และมีผู้ป่วยต้องนอนโรงพยาบาลเพราะโควิด-19 มากขึ้นด้วย
เจ้าหน้าที่ฮ่องกงระบุด้วยว่า ไม่มีหลักฐานว่าโควิด-19 สายพันธุ์ NB.1.8.1 ซึ่งเป็นลูกหลานของโควิด XDV จะมีความรุนแรงมากกว่าโควิดสายพันธุ์อื่นๆ แต่พวกเขาเริ่มเรียกร้องให้ประชาชนสวมหน้ากากเวลาใช้บริการขนส่งสาธารณะ หรือในที่ที่มีคนพลุกพล่าน เนื่องจากจำนวนผู้ติดเชื้อเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ
...
ขณะเดียวกัน เจ้าหน้าที่สาธารณสุขในไต้หวันก็รายงานว่า มีผู้ติดเชื้อมาห้องฉุกเฉินเพิ่มขึ้น รวมถึงจำนวนผู้ป่วยอาการหนัก และผู้เสียชีวิต โดยพวกเขาได้เก็บสต็อกวัคซีนและยาต้านไวรัสเอาไว้แล้ว เพื่อรับมือกับการระบาดในประเทศระลอกใหม่
ทั้งนี้ ข้อมูลเบื้องต้นจากนักวิจัยในประเทศจีนชี้ว่า ไวรัส NB.1.8.1 ไม่ได้หลบภูมิคุ้มกันดีขึ้นกว่าเชื้อสายพันธุ์อื่นๆ แต่มันมีความสามารถในการยึดเกาะกับเซลล์มนุษย์ที่ดีกว่า บ่งชี้ว่ามันสามารถติดต่อได้ง่ายขึ้น
ติดตามข่าวต่างประเทศ : https://www.thairath.co.th/news/foreign
ที่มา : cbsnews