ฝนตกหนักถล่มพื้นที่ทางตะวันออกของออสเตรเลียในวันพฤหัสบดี ส่งผลให้แม่น้ำที่เอ่อล้นอยู่แล้วทะลักเข้าท่วม มีประชาชนเกือบ 50,000 คนติดค้างไม่สามารถเดินทางออกจากพื้นที่ได้

พื้นที่ทางตะวันออกของออสเตรเลียเผชิญฝนตกหนักในช่วงสองวันที่ผ่านมา โดยมีปริมาณเท่ากับฝนที่ควรจะตกตลอด 4 เดือนในบางพื้นที่ของรัฐนิวเซาท์เวลส์ ขณะที่เมืองเคมป์ซีย์ ซึ่งเป็นศูนย์กลางเกษตรกรรมริมแม่น้ำแม็คลี ถูกน้ำล้อมรอบอย่างฉับพลันโดยไม่มีสัญญาณเตือนล่วงหน้า

คริส มินส์ มุขมนตรีรัฐนิวเซาท์เวลส์กล่าวว่า ประชาชนยังต้องเตรียมใจรับข่าวร้ายเพิ่มเติมใน 24 ชั่วโมงข้างหน้า และนี่เป็นภัยธรรมชาติที่เลวร้ายมากสำหรับชุมชนนี้ มินส์ระบุว่า มีประชาชนเกือบ 50,000 คนที่อาจถูกตัดขาดจากโลกภายนอกเนื่องจากน้ำท่วมในพื้นที่ชายฝั่งตอนกลางของรัฐ ซึ่งมีแม่น้ำไหลลงมาจากเนินเขาสูงชันสู่อาณาบริเวณป่าชื้นด้านใน และยังมีรายงานว่ามีผู้สูญหายอย่างน้อย 3 คน โดยมีเจ้าหน้าที่ฉุกเฉินราว 2,500 คนถูกส่งเข้าพื้นที่ พร้อมเรือช่วยเหลือ เฮลิคอปเตอร์หลายลำ และโดรนค้นหานับร้อยลำ

...

ขณะที่นายกเทศมนตรีคินนี ริง ให้สัมภาษณ์กับ AFP ว่าตามปกติคนส่วนใหญ่อาจรู้สึกผ่อนคลายกับเสียงฝนตกบนหลังคาสังกะสี แต่ตอนนี้มันกลับเป็นเสียงดังและน่ากลัว โดยคราวนี้ฝนตกอย่างหนัก และทุกครั้งที่ฝนเริ่มลงเม็ด ก็อดคิดไม่ได้ว่าสิ่งเลวร้ายอะไรจะเกิดขึ้นต่อไป

ริงเผยว่า ในพื้นที่ของเธอเพียงแห่งเดียว มีผู้คนมากกว่า 20,000 คนที่ถูกตัดขาด ไม่สามารถเข้าถึงยาและสิ่งของจำเป็นได้ ซึ่งเป็นเรื่องที่ชาวบ้านแทบจะไม่เคยเจอมาก่อน

ล่าสุดมีรายงานว่าตำรวจพบศพชายวัย 63 ปีภายในบ้านที่ถูกน้ำท่วมในเมืองโมโต ซึ่งอยู่ห่างจากซิดนีย์ไปทางตะวันออกเฉียงเหนือประมาณ 400 กิโลเมตร ขณะเดียวกันประชาชนบางรายต้องปีนขึ้นไปอยู่บนหลังคาเพื่อหนีน้ำที่เพิ่มสูงขึ้น โดยเจ้าหน้าที่ได้ส่งเฮลิคอปเตอร์ เรือ และโดรนเข้าร่วมภารกิจค้นหาและช่วยเหลือครั้งใหญ่

ทั้งนี้ ออสเตรเลียต้องเผชิญกับสภาพอากาศสุดขั้วหลายครั้งในช่วงไม่กี่เดือนที่ผ่านมา ตั้งแต่ทะเลทรายแห้งแล้งไปจนถึงชายฝั่งเขตร้อน โดยในปี 2024 อุณหภูมิผิวน้ำทะเลโดยรอบประเทศสูงที่สุดเป็นประวัติการณ์ ตามรายงานจากมหาวิทยาลัยแห่งชาติออสเตรเลีย (ANU) ซึ่งส่งผลให้ความชื้นในอากาศเพิ่มขึ้น และนำไปสู่ฝนตกหนักมากขึ้นตามมา.

ที่มา : channelnewsasia

คลิกอ่านข่าวเกี่ยวกับ ออสเตรเลีย