โจ ไบเดน อดีตประธานาธิบดีสหรัฐฯ ขอบคุณกำลังใจที่ได้รับจากทั่วโลก หลังเปิดเผยว่าเป็นโรคมะเร็งต่อมลูกหมากชนิดรุนแรง

สำนักข่าวต่างประเทศรายงานว่า โจ ไบเดน แสดงความขอบคุณต่อการสนับสนุนต่างๆ ที่เขาได้รับจากทั่วโลก รวมถึงจดหมายส่วนตัวจากพระเจ้าชาร์ลส์ที่ 3 แห่งสหราชอาณาจักร หลังจากอดีตประธานาธิบดีสหรัฐฯ ผู้นี้ประกาศเมื่อวันอาทิตย์ที่ 18 พ.ค. 2568 ว่า เขาได้รับการวินิจฉัยว่าเป็นโรคมะเร็งต่อมลูกหมากชนิดรุนแรง

“มะเร็งสัมผัสเราทุกคน” นายไบเดนในวัย 82 ปี ระบุในโพสต์บนเครือข่ายสังคมออนไลน์ในช่วงเช้าวันจันทร์ “เหมือนกับพวกคุณหลายคน จิลกับผมได้เรียนรู้ว่าเราแข็งแกร่งที่สุดในสถานที่ที่พังทลาย ขอบคุณที่ดึงพวกเราขึ้นมาด้วยความรักและการสนับสนุน”

ในวันอาทิตย์ สำนักงานของนายไบเดนออกแถลงการณ์เปิดเผยว่า อดีตประธานาธิบดีสหรัฐฯ ผู้นี้ เข้ารับการตรวจหลังจากมีปัญหาเกี่ยวกับการปัสสาวะ นำไปสู่การค้นพบตุ่มเล็กๆ ในต่อมลูกหมากของเขา ซึ่งแพทย์วินิจฉัยเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมาว่า ไบเดนเป็นมะเร็งต่อมลูกหมากชนิดรุนแรง โดยมีคะแนนกลีสัน (Gleason score) ที่ระดับ 9 และแพร่กระจายไปถึงกระดูกแล้ว

แต่แถลงการณ์บอกด้วยว่า “ในขณะที่การวินิจฉัยนี้สื่อถึงโรคในรูปแบบที่รุนแรงกว่า แต่ดูเหมือนว่ามะเร็งนี้จะอ่อนไหวต่อฮอร์โมน ซึ่งทำให้สามารถบริหารจัดการได้อย่างมีประสิทธิภาพ”

ตามข้อมูลจากศูนย์วิจัยมะเร็งแห่งสหราชอาณาจักร คะแนนกลีสันระดับ 9 หมายความว่า เซลล์มะเร็งสามารถแพร่กระจายได้อย่างรวดเร็ว

ข่าวล่าสุดเกี่ยวกับโรคมะเร็งของนายไบเดนทำให้เกิดคำถามตามมาว่า เขาป่วยมานานแค่ไหน และโรคนี้ส่งผลกระทบต่อการปฏิบัติหน้าที่ของเขาขณะดำรงตำแหน่งประธานาธิบดีหรือไม่

...

อย่างไรก็ตาม หลังมีการเปิดเผยเกี่ยวกับโรคมะเร็ง ผู้คนมากมายต่างร่วมแสดงการสนับสนุนนายไบเดน รวมถึงประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ คู่แข่งทางการเมือง, นายบารัค โอบามา อดีตประธานาธิบดีสหรัฐฯ และ น.ส.คามาลา แฮร์ริส อดีตรองประธานาธิบดีของนายไบเดน

ด้านสำนักพระราชวังบักกิงแฮมเปิดเผยว่า พระเจ้าชาร์ลส์ที่ 3 แห่งสหราชอาณาจักร ยังเขียนจดหมายส่วนพระองค์ถึงนายไบเดน เพื่อแสดงการสนับสนุนและขอให้โชคดีด้วย

ทั้งนี้ พระเจ้าชาร์ลส์พระชนมายุ 76 พรรษา เคยพบปะกับนายไบเดนหลายครั้ง และเมื่อต้นปี 2567 พระองค์ก็ทรงได้รับการวินิจฉัยว่าเป็นโรคมะเร็งเช่นกัน โดยไม่มีการเปิดเผยว่าเป็นมะเร็งชนิดใด โดยในครั้งนี้ นายไบเดนก็ร่วมส่งกำลังใจให้กษัตริย์แห่งอังกฤษด้วย

ติดตามข่าวต่างประเทศ : https://www.thairath.co.th/news/foreign

ที่มา : bbc