ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ แห่งสหรัฐฯ ออกมาเตือนว่า "ไม่มีใครรอดพ้นความผิดจากดุลการค้าที่ไม่เป็นธรรม" โดยระบุว่าอาจมีการเรียกเก็บภาษีเพิ่มเติมอีกเร็วๆ นี้

ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ แห่งสหรัฐฯ ออกมาเตือนว่า "ไม่มีใครรอดพ้นความผิดจากดุลการค้าที่ไม่เป็นธรรม" โดยระบุว่าอาจมีการเรียกเก็บภาษีเพิ่มเติมอีกเร็วๆ นี้ ก่อนหน้านี้ทำเนียบขาวได้ยกเว้นภาษีนำเข้าสมาร์ทโฟนและคอมพิวเตอร์จากจีน แต่ในโพสต์บน Truth Social เขาได้ระบุว่าการขึ้นภาษีนี้คงอยู่ไม่นาน โดยกล่าวว่าจะ "เปลี่ยนไปใช้ภาษีประเภทอื่น"

ประธานาธิบดีทรัมป์ โต้แย้งข้อเสนอแนะที่ว่าการระงับการขึ้นภาษีตอบโต้ เมื่อวันศุกร์ (11 เม.ย.) ทำให้ประเทศต่างๆ "พ้นผิด" จากการจัดเก็บภาษีนำเข้าสินค้าจากสหรัฐฯ ทรัมป์เขียนบนโซเชียลมีเดียว่า "ไม่มีการประกาศข้อยกเว้นภาษีเมื่อวันศุกร์"

ทรัมป์ยืนกรานว่าสินค้าอิเล็กทรอนิกส์จากจีนยังคงถูกเรียกเก็บภาษี 20% ซึ่งเกี่ยวข้องกับเฟนทานิล แต่ตอนนี้ถูกเรียกเก็บภาษี "ประเภทอื่น" แล้ว โดยสหรัฐฯ กล่าวหาบริษัทจีนว่าจงใจจัดหาสินค้าให้กับกลุ่มที่เกี่ยวข้องกับการผลิตยาโอปิออยด์ ซึ่งก่อให้เกิดวิกฤตยาเสพติดในประเทศ

ทรัมป์กล่าวว่าการสอบสวนเรื่องภาษีศุลกากรและความมั่นคงของชาติที่กำลังจะมีขึ้นในเร็วๆ นี้ จะพิจารณาถึงสินค้าอิเล็กทรอนิกส์ เช่น เซมิคอนดักเตอร์ และห่วงโซ่อุปทานอิเล็กทรอนิกส์ทั้งหมด เขาย้ำถึงความพยายามที่จะนำภาคการผลิตกลับคืนสู่สหรัฐฯ โดยระบุว่า "สิ่งที่เราควรรู้ก็คือ เราจำเป็นต้องผลิตสินค้าในสหรัฐอเมริกา" ทรัมป์กล่าวว่านี่คือการหลีกเลี่ยง "การถูกยึดครอง" โดยประเทศต่างๆ รวมถึงจีน ซึ่งเขาระบุว่าเป็น "ประเทศการค้าที่ไม่เป็นมิตร"

ด้านประธานาธิบดีสีจิ้นผิงของจีน ได้เริ่มการเยือนประเทศในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ได้แก่ เวียดนาม มาเลเซีย และกัมพูชา ระหว่างวันที่ 14-18 เมษายน ขณะที่จีนและภูมิภาคนี้กำลังตกเป็นเป้าโจมตีของประธานาธิบดีทรัมป์ ในเรื่องภาษีศุลกากร 

...

ผู้นำจีนเขียนบทความลงหนังสือพิมพ์ Nhan Dan ของเวียดนาม เผยแพร่บทความชื่อว่า "สานต่อความสำเร็จในอดีตและสร้างความก้าวหน้าใหม่ในการแสวงหาเป้าหมายร่วมกัน" ที่เน้นย้ำถึงความร่วมมือเพื่ออนาคตของจีนและเวียดนาม โดยเฉพาะในด้านยุทธศาสตร์ โดยกล่าวว่า "จีนและเวียดนามต่างก็เป็นประเทศสังคมนิยมและเป็นเพื่อนบ้านกัน มีอุดมคติที่เหมือนกัน ตลอดจนมีผลประโยชน์ทางยุทธศาสตร์ที่กว้างขวางร่วมกัน"

นายสีระบุว่า "การสร้างชุมชนจีน-เวียดนามที่มีอนาคตร่วมกันและมีความสำคัญทางยุทธศาสตร์นั้นเป็นผลประโยชน์ร่วมของทั้งสองประเทศ ซึ่งเอื้อต่อสันติภาพ เสถียรภาพ การพัฒนา และความเจริญรุ่งเรืองในภูมิภาค" "ปัจจุบัน การเปลี่ยนแปลงระดับโลก ยุคสมัย และการเปลี่ยนแปลงทางประวัติศาสตร์ กำลังเผยโฉมอย่างที่ไม่เคยปรากฏมาก่อน โลกได้เข้าสู่ยุคใหม่ของการเปลี่ยนแปลงที่วุ่นวาย จีนยังคงเป็นเครื่องยนต์หลักของเศรษฐกิจโลก"

สี จิ้นผิง ยังย้ำมุมมองของเขาว่า "สงครามการค้าและสงครามภาษีจะไม่ทำให้มีผู้ชนะ และการค้าคุ้มครองจะไม่นำไปสู่สิ่งใด" โดยไม่ได้เอ่ยถึงสหรัฐฯ เขาเสริมว่าจีน "ควรทำงานร่วมกับกลุ่มประเทศซีกโลกใต้เพื่อรักษาผลประโยชน์ร่วมกันของประเทศกำลังพัฒนา"

กลุ่มประเทศซีกโลกใต้เป็นคำที่ใช้เรียกประเทศกำลังพัฒนา ซึ่งโดยทั่วไปตั้งอยู่ทางใต้ของประเทศที่มีการพัฒนาอุตสาหกรรมมากกว่า.

ที่มา BBC

อ่านข่าวเพิ่มเติม https://www.thairath.co.th/news/foreign