ผู้เชี่ยวชาญในออสเตรเลีย ได้ทำการกำจัดแมวจรจัด กว่า 400 ตัว ทั่วรัฐนิวเซาท์เวลส์เมื่อปีที่แล้ว เพื่อปกป้องสัตว์ป่าพื้นเมือง กลุ่มนักอนุรักษ์กล่าวว่าวิธีนี้อาจไม่สามารถแก้ปัญหาได้ทั้งหมด
ผู้เชี่ยวชาญในออสเตรเลีย ได้ทำการกำจัดแมวจรจัด กว่า 400 ตัว ทั่วรัฐนิวเซาท์เวลส์เมื่อปีที่แล้ว เพื่อปกป้องสัตว์ป่าพื้นเมือง กลุ่มนักอนุรักษ์กล่าวว่าวิธีนี้อาจไม่สามารถแก้ปัญหาได้ทั้งหมด
ทีมเจ้าหน้าที่ที่จัดตั้งโดยรัฐบาลของรัฐนิวเซาท์เวลส์ในเดือนตุลาคม 2024 ได้ใช้กล้องหลายร้อยตัวและการถ่ายภาพความร้อนที่ใช้ในการระบุพื้นที่ที่มีประชากรแมวจรจัดหนาแน่น นอกจากนั้น เจ้าหน้าที่ยังได้ยิงแมวจรจัดไปแล้ว 62 ตัวในปีนี้ รวมถึง 42 ตัวที่ถูกฆ่าตายภายในเวลาสี่วันในอุทยานแห่งชาติทูเรล ทางตอนเหนือของรัฐ เมื่อเดือนมกราคมที่ผ่านมา
ดาร์เรน พิตต์ ผู้อำนวยการสำนักงานอุทยานแห่งชาติและสัตว์ป่านิวเซาท์เวลส์ตะวันตก กล่าวว่าโครงการนี้ได้ช่วยชีวิตสัตว์ป่าพื้นเมืองไปแล้วหลายแสนตัว เขากล่าวว่า "แมวจรจัดตัวเดียวสามารถฆ่าสัตว์พื้นเมืองได้อย่างน้อย 700 ตัวต่อปี ดังนั้นการกำจัดแมว 400 ตัว อาจช่วยให้สัตว์ 280,000 ตัว รอดพ้นจากการถูกล่าโดยแมวจรจัด"
แคเธอรีน โมสบี นักนิเวศวิทยาสัตว์ป่าจากมหาวิทยาลัยนิวเซาท์เวลส์ กำลังสืบสวนหาสาเหตุการตายของสัตว์ป่าพื้นเมืองที่ถูกนำกลับมาปล่อย เธอกล่าวว่าหลักฐานดีเอ็นเอแสดงให้เห็นว่าแมวอาจฆ่าสัตว์ได้มากกว่าที่เคยคาดไว้ แม้ซากสัตว์บางตัวอยู่ในสภาพสมบูรณ์ และไม่ได้ถูกกิน "เมื่อเราใช้สำลีเช็ดตัวพวกมัน เราสามารถพิสูจน์ได้ว่าแมวฆ่าพวกมันจริง และไม่ได้กินพวกมันหลังจากนั้น"
นายพิตต์กล่าวว่า วิธีนี้อาจไม่สามารถกำจัดแมวจรจัดออกไปจากพื้นที่ได้ทั้งหมด แต่การลดจำนวนประชากรแมวจรในพื้นที่เป้าหมาย อาจช่วยให้สัตว์ใกล้สูญพันธุ์สามารถอยู่รอดได้
...
สำนักงานอนุรักษ์สัตว์ป่าออสเตรเลีย (AWC) เปิดเผยว่า การยิงเป็นทางเลือกเดียวในการควบคุมแมวจรจัด เนื่องจากวิธีการจัดการอื่นๆ พิสูจน์แล้วว่าไม่มีประสิทธิภาพ "แมวเหล่านี้ระมัดระวังตัวมาก และซ่อนตัวได้ดีมาก ดังนั้นพวกมันจึงหลีกเลี่ยงปฏิสัมพันธ์กับมนุษย์โดยธรรมชาติ และพวกมันมักจะเลือกกินสิ่งที่กิน ดังนั้น กลไกควบคุม เช่น การใช้เหยื่อล่อจึงไม่ประสบความสำเร็จกับแมวจรจัดมากนัก"
แมวจรจัดไม่เพียงแต่เป็นอันตรายต่อสัตว์ป่าในออสเตรเลียเท่านั้น แต่ยังสามารถฆ่าปศุสัตว์ได้อีกด้วย โดยพบโรคท็อกโซพลาสโมซิส ซึ่งเป็นโรคที่เกิดจากปรสิตที่พบในอุจจาระหรือปัสสาวะของแมวที่ติดเชื้อ โรคนี้สามารถติดต่อไปยังสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมทุกชนิด รวมถึงมนุษย์ด้วย.
ที่มา ABC
อ่านข่าวเพิ่มเติม https://www.thairath.co.th/news/foreign