จำนวนผู้เสียชีวิตในเมียนมาจากเหตุแผ่นดินไหวรุนแรงเพิ่มขึ้นเป็นอย่างน้อย 1,700 ศพแล้ว ขณะที่ความช่วยเหลือจากนานาชาติกำลังหลั่งไหลเข้ามา เพื่อช่วยในการค้นหาผู้รอดชีวิต

สำนักข่าวต่างประเทศรายงานว่า เมื่อวันอาทิตย์ที่ 30 มี.ค. 2568 ชาวเมียนมาในเมืองมัณฑะเลย์ เมืองใหญ่อันดับ 2 ของประเทศ ยังคงพยายามอย่างหนักในการขุดค้นซากปรักหักพังของอาคารหลายแห่ง ที่พังถล่มลงมาหลังเกิดแผ่นดินไหวรุนแรงในวันศุกร์ที่ผ่านมา แม้จะต้องใช้เพียงแรงมือ โดยหวังว่าจะพบผู้ประสบภัยที่ยังรอดชีวิตอยู่

แผ่นดินไหวดังกล่าวมีความรุนแรงระดับ 7.7 แมกนิจูด เกิดขึ้นในเวลาประมาณ 12.50 น. ของวันศุกร์ที่ 28 มี.ค. 2568 จุดศูนย์กลางแผ่นดินไหวอยู่ใกล้ภาคมัณฑะเลย์ และลึกลงไปใต้ดินเพียง 10 ม. ส่งแรงสั่นสะเทือนไปทั่วประเทศเมียนมา และในประเทศข้างเคียงอย่าง ไทย, อินเดีย และจีน

อาคารมากมายในเมืองมัณฑะเลย์ได้รับความเสียหายจากแผ่นดินไหว
อาคารมากมายในเมืองมัณฑะเลย์ได้รับความเสียหายจากแผ่นดินไหว

...

ความพยายามช่วยเหลือผู้ประสบภัยต้องเผชิญอุปสรรคหลายอย่าง ทั้งถนนที่พังเสียหาย, สะพานถล่ม, ระบบการสื่อสารที่ถูกตัดขาด และความไม่พร้อมอื่นๆ เนื่องจากเมียนมาอยู่ในภาวะสงครามกลางเมืองมานานหลายปี

การค้นหาผู้รอดชีวิตส่วนใหญ่จึงกระทำโดยชาวบ้านท้องถิ่นโดยไม่ได้รับความช่วยเหลือจากเครื่องจักรหนัก พวกเขาต้องใช้มือและเสียมขนย้ายเศษหินเศษปูนท่ามกลางอากาศร้อนถึง 41 องศาเซลเซียส โดยแทบไม่มีเครื่องขุดเจาะปรากฏให้เห็น

ในช่วงบ่ายวันอาทิตย์เกิดอาฟเตอร์ช็อกระดับ 5.1 แมกนิจูดขึ้นในเมียนมา สร้างความแตกตื่นตกใจให้แก่ชาวบ้านในเมืองมัณฑะเลย์เกือบ 1.5 ล้านคน ที่ต้องนอนกลางแจ้งมาแล้ว 2 วันติดต่อกัน ปฏิบัติการค้นหาหยุดชะงักไปชั่วขณะ ก่อนที่พวกเขาจะกลับมาเริ่มงานกันต่อ

ผู้นำกองทัพเมียนมาบอกกับนาย อันวาร์ อับราฮิม นายกรัฐมนตรีมาเลเซียในวันอาทิตย์ว่า จำนวนผู้เสียชีวิตในประเทศจากเหตุแผ่นดินไหวครั้งนี้ เพิ่มขึ้นเป็นอย่างน้อย 1,700 ศพแล้ว ขณะที่มีผู้บาดเจ็บราว 3,400 ราย และสูญหายอีกประมาณ 300 คน โดยที่คาดว่าตัวเลขผู้เคราะห์ร้ายจะเพิ่มสูงขึ้นอีก

ปฏิบัติการค้นหาในเมียนมาที่กำลังได้รับการจับตามองคือที่อพาร์ตเมนต์ “สกาย วิลลา คอมเพล็กซ์” ซึ่งประกอบด้วยตึกสูง 11 ชั้น 4 ตึก ซึ่ง 3 ตึกในจำนวนนี้พังถล่มเพราะแผ่นดินไหว โดยนับตั้งแต่เมื่อวันศุกร์จนถึงตอนนี้ ทีมกู้ภัยสามารถช่วยเหลือผู้คนออกมาได้แล้ว 29 ราย พบร่างผู้เสียชีวิต 9 ศพ แต่คาดว่าอาจยังมีคนติดอยู่อีกกว่า 90 คน

องค์กรกู้ภัย “คาทอลิก รีลีฟ เซอร์วิส” ซึ่งมีสำนักงานในนครย่างกุ้งเปิดเผยว่า พวกเขากำลังส่งทีมช่วยเหลือไปยังพื้นที่ประสบภัยอื่นๆ แต่การเดินทางทำได้ลำบากเนื่องจากสนามบินมัณฑะเลย์ได้รับความเสียหาย, ขณะที่หอบังคับการบินของสนามบินในกรุงเนปิดอว์พังถล่ม ทำให้เที่ยวบินพาณิชย์ทั้งหมดต้องหยุดบิน

ปฏิบัติการกู้ภัยของทางการในกรุงเนปิดอว์กำลังเน้นให้ความสำคัญกับสำนักงานรัฐบาลและที่อยู่อาศัยของเจ้าหน้าที่เป็นหลัก ทำให้ชาวบ้านและองค์กรช่วยเหลือ ต้องขุดค้นซากความเสียหายในเขตที่อยู่อาศัยของประชาชนกันเอาเอง

ความช่วยเหลือจากนานาชาติหลั่งไหลเข้าสู่เมียนมา
ความช่วยเหลือจากนานาชาติหลั่งไหลเข้าสู่เมียนมา

อย่างไรก็ตาม ความช่วยเหลือจากต่างประเทศเริ่มเดินทางมาถึงเมียนมาแล้ว โดยในวันอาทิตย์ ทีมกู้ภัยจากประเทศจีนสามารถช่วยชายชราคนหนึ่งออกจากซากโรงพยาบาลในเมืองหลวงแห่งนี้ได้สำเร็จ หลังเขาติดอยู่นานเกือบ 40 ชั่วโมง ขณะที่รถบรรทุกความช่วยเหลือจากจีน 17 คัน กำลังเดินทางจากนครย่างกุ้งไปยังเมืองมัณฑะเลย์

เครื่องบินลำเลียง C-170 ของกองทัพอินเดีย 2 ลำ เดินทางถึงกรุงเนปิดอว์เมื่อกลางดึกวันเสาร์ พร้อมกับหน่วยโรงพยาบาลสนาม และเจ้าหน้าที่อีก 120 คน ซึ่งเดินทางขึ้นเหนือไปยังเมืองมัณฑะเลย์ เพื่อจัดตั้งศูนย์พยาบาลฉุกเฉินที่รองรับผู้บาดเจ็บได้ 60 เตียงแล้ว

...

แต่ไม่เพียงเท่านั้น รัฐบาลจีนระบุว่า พวกเขาได้ส่งเจ้าหน้าที่กู้ภัยกับผู้เชี่ยวชาญอีก 135 คนพร้อมด้วยเวชภัณฑ์และเครื่องปั่นไฟไปยังเมียนมาแล้ว และให้สัญญาจะมอบความช่วยเหลือฉุกเฉินมูลค่า 13.8 ล้านดอลลาร์สหรัฐเพิ่มเติม ขณะที่รัสเซียส่งเจ้าหน้าที่ 120 นาย กับเสบียงต่างๆ ไปยังนครย่างกุ้งแล้ว

ส่วนทีมจากสิงคโปร์เดินทางถึงเมียนมาและกำลังปฏิบัติการอยู่ในกรุงเนปิดอว์ ขณะที่มาเลเซียส่งทีมเจ้าหน้าที่ 50 นายไปช่วยเหลือในวันอาทิตย์ พร้อมรถบรรทุกอุปกรณ์ค้นหาและกู้ภัย และอุปกรณ์ทางการแพทย์ ส่วนทหารไทย 55 นาย ก็เดินทางถึงนครย่างกุ้งแล้วในวันอาทิตย์ เพื่อช่วยเหลือด้านการค้นหาและกู้ภัย

นอกจากนั้น ยังมีทีมเจ้าหน้าที่จากประเทศอื่นๆ รวมถึง ฟิลิปปินส์, เวียดนาม, อินโดนีเซีย, ไอร์แลนด์, เกาหลีใต้ และนิวซีแลนด์ ถูกส่งไปช่วยเหลือในเมียนมาด้วย

ติดตามข่าวต่างประเทศ : https://www.thairath.co.th/news/foreign

ที่มา : apnews