• รัฐบาลของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ได้ส่งตัวผู้ต้องสงสัยเป็นสมาชิกแก๊งอาชญากรรมจากเวเนซุเอลา 250 คนไปฝากขังที่เรือนจำขนาดใหญ่ในประเทศเอลซัลวาดอร์ตามข้อตกลงว่ารัฐบาลเอลซัลวาดอร์ได้รับเงิน 6 ล้านเหรียญสหรัฐเพื่อแลกกับที่พักพิงของนักโทษ
  • นักโทษกลุ่มนี้จะถูกคุมขังในเรือนจำที่ใหญ่ที่สุดในทวีปอเมริกาที่ขึ้นชื่อในเรื่องสภาพที่เข้มงวดและเลวร้าย เป็นที่อยู่อาศัยของอาชญากรตัวฉกาจที่สุดของเอลซัลวาดอร์ ฆาตกรต่อเนื่องและสมาชิกแก๊งที่เป็น "คนเลวร้ายที่สุดในบรรดาคนเลวร้ายที่สุด"
  • การส่งตัวนักโทษครั้งนี้ยังก่อให้เกิดคำถามทางรัฐธรรมนูญสหรัฐฯ เพราะโดยทั่วไปแล้วหน่วยงานของรัฐจะปฏิบัติตามคำตัดสินของผู้พิพากษาของรัฐบาลกลาง แต่รัฐบาลของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ เพิกเฉยต่อคำตัดสินของศาลรัฐบาลกลาง ที่สั่งให้ระงับใช้กฎหมายคนต่างด้าวชาติศัตรู (Alien Enemies Act) ซึ่งเป็นกฎหมายที่มีมาตั้งแต่คริสต์ศตวรรษที่ 18

Centro de Confinamiento del Terrorismo หรือ CECOT เป็นเรือนจำขนาดใหญ่ที่มีชื่อเสียงของเอลซัลวาดอร์ ซึ่งขณะนี้คุมขังผู้ต้องสงสัยเป็นสมาชิกแก๊งอาชญากรรมกว่า 250 คนที่ถูกส่งตัวไปจากสหรัฐ หลังจากรัฐบาลเอลซัลวาดอร์ได้บรรลุข้อตกลงกับรัฐบาลทรัมป์ โดยเชื่อว่าทั้งหมดเป็นสมาชิกแก๊ง Tren de Aragua องค์กรอาชญากรรมข้ามชาติที่มีต้นกำเนิดจากเวเนซุเอลา ก่อตั้งขึ้นภายในเรือนจำโทโครอน ซึ่งเป็นหนึ่งในคุกที่อันตรายที่สุดของประเทศ กลุ่มนี้เริ่มต้นจากการเป็นขบวนการอาชญากรรมภายในเรือนจำ แต่ขยายอิทธิพลออกไปทั่วเวเนซุเอลาและข้ามพรมแดนไปยังประเทศอื่นๆ ในอเมริกาใต้

สื่อต่างๆรายงานว่าสมาชิกแก๊ง Tren de Aragua จำนวน 238 คน และบุคคลที่เกี่ยวข้องกับกลุ่ม MS-13 จำนวน 23 คน จะถูกคุมขังในเรือนจำ CECOT เป็นเวลาอย่างน้อย 1 ปี

...

 
เปิดสภาพเรือนจำ CECOT ของเอลซัลวาดอร์

เรือนจำแห่งนี้เป็นศูนย์กักขังผู้ก่อการร้าย ถือเป็นเรือนจำที่ใหญ่ที่สุดในทวีปอเมริกา โดยสามารถรองรับผู้ต้องขังได้ 40,000 คน และเป็นที่เลื่องลือมาตั้งแต่ก่อนที่รัฐบาลทรัมป์จะตัดสินใจเนรเทศผู้ต้องสงสัยเป็นสมาชิกแก๊งเวเนซุเอลาจำนวนหลายร้อยคนไปที่นั่น 

ปัจจุบันที่นี่เป็นที่อยู่อาศัยของอาชญากรตัวฉกาจที่สุดของประเทศบางส่วน รวมถึงฆาตกรต่อเนื่องและสมาชิกแก๊งที่ถูกขนานนามว่าเป็น "คนเลวร้ายที่สุดในบรรดาคนเลวร้ายที่สุด" และมีชื่อเสียงในเรื่องสภาพแวดล้อมที่ค่อนข้างเข้มงวดิ

ผู้สื่อข่าวของ CNN และทีมงานที่เคยไปเยือนเรือนจำแห่งนี้เมื่อปีที่แล้วเล่าว่า ห้องขังสร้างขึ้นเพื่อคุมขังผู้ต้องขังประมาณ 80 คน โดยผู้ต้องขังชายจะถูกคุมขังวันละ 23.5 ชั่วโมง และมีเฟอร์นิเจอร์เพียงอย่างเดียวคือเตียงสองชั้นที่ทำจากโลหะ ไม่มีผ้าปูที่นอน หมอน หรือที่นอน มีห้องน้ำแบบเปิด อ่างซีเมนต์ ถังพลาสติกสำหรับซักล้าง และเหยือกขนาดใหญ่สำหรับดื่ม

ในขณะนี้ คาดว่ามีผู้ต้องขังอยู่ราว 10,000-20,000 คน โดยผู้ที่เดินทางมาถึงล่าสุดคือผู้ต้องขัง 261 คนที่ถูกเนรเทศออกจากสหรัฐฯ เมื่อสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา โดย 238 คนในจำนวนนี้ถูกกล่าวหาว่าเป็นสมาชิกแก๊ง Tren de Aragua ของเวเนซุเอลา และอีก 23 คนต้องสงสัยว่าเป็นสมาชิกแก๊ง MS-13

ประธานาธิบดีนายิบ บูเกเล ของเอลซัลวาดอร์ได้เสนอที่จะให้ที่พักพิงแก่ผู้ถูกเนรเทศจากสหรัฐฯ ในเรือนจำแห่งนี้ ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของข้อตกลงที่ไม่เคยมีมาก่อน โดยสหรัฐฯ จะจ่ายเงินตอบแทน 6 ล้านดอลลาร์ เงินจำนวนนี้จะช่วยสนับสนุนการดำเนินงานระบบเรือนจำของเอลซัลวาดอร์ ซึ่งปัจจุบันมีค่าใช้จ่าย 200 ล้านดอลลาร์ต่อปี

นักโทษสามารถออกจาก CECOT ได้หรือไม่

ตามรายงานหลายฉบับระบุว่า นักโทษที่ถูกคุมขังในศูนย์กักกัน CECOT ไม่มีโอกาสได้รับการปล่อยตัวเลย โดยบางคนต้องรับโทษจำคุกยาวนานเป็นร้อยปี เจ้าหน้าที่เรือนจำรายหนึ่งซึ่งไม่เปิดเผยชื่อได้เคยให้สัมภาษณ์ว่า นอกจากออกไม่ได้แล้ว ยังเป็นไปไม่ได้ที่จะหลบหนี นักโทษเหล่านี้จะต้องใช้ชีวิตที่เหลือทั้งหมดอยู่หลังลูกกรงไปตลอดชีวิต เนื่องจากภายในมีมาตรการควบคุมที่เข้มงวด

...

เขากล่าวว่า ไฟในเรือนจำเปิดตลอด 24 ชั่วโมง เพื่อป้องกันนักโทษจากการวางแผนหลบหนี
นักโทษทุกคนต้องโกนศีรษะ และ ต้องนั่งเรียงเป็นแถว โดยให้ศีรษะพิงหลังของคนที่อยู่ข้างหน้าเมื่อเข้าไปในเรือนจำ ทุกคนต้องสวมชุดสีขาว อาหารที่ได้รับส่วนใหญ่เป็นถั่วและพาสต้า โดย ไม่มีเนื้อสัตว์เป็นตัวเลือก


แม้ว่ากลุ่มสิทธิมนุษยชนบางกลุ่มจะออกมาวิพากษ์วิจารณ์มาตรการของ CECOT ว่าละเมิดสิทธิมนุษยชน แต่ผลสำรวจความคิดเห็นชี้ว่า ประธานาธิบดีนายิบ บูเคเล ยังคงได้รับคะแนนนิยมสูงกว่า 90%

สถานการณ์สิทธิ เสรีภาพพลเมืองในเอลซัลวาดอร์


ศูนย์กักกัน CECOT ในเอลซัลวาดอร์ถูกใช้คุมขังทั้งนักโทษที่ถูกตัดสินแล้วและผู้ต้องหาที่ยังอยู่ในกระบวนการพิจารณาคดี นอกจากนี้ ยังมีรายงานว่าบางคนถูกคุมขังโดยไม่ได้รับการดำเนินคดีอย่างเป็นธรรม

การจับกุมเหล่านี้เป็นส่วนหนึ่งของมาตรการปราบปรามอาชญากรรมและแก๊งอันธพาลที่ประธานาธิบดี นายิบ บูเคเล ดำเนินการมาตั้งแต่ปี 2022 โดยได้รับการสนับสนุนจากฝ่ายนิติบัญญัติ รัฐบาลได้ประกาศ สถานการณ์ฉุกเฉิน ซึ่งนำไปสู่การระงับสิทธิตามรัฐธรรมนูญบางประการ รวมถึงสิทธิในการได้รับการปกป้องทางกฎหมายจากรัฐ ซึ่งเดิมที มาตรการนี้มีกำหนดใช้แค่เพียง 30 วัน แต่ถูกขยายออกไปหลายสิบครั้ง และยังคงมีผลบังคับใช้จนถึงปัจจุบัน

...

ตลอดระยะเวลา 3 ปีหลังจากประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินในเอลซัลวาดอร์ เจ้าหน้าที่ได้จับกุมประชาชนไปแล้วเกือบ 87,000 คน หรือมากกว่า 1% ของประชากรทั้งประเทศ รัฐบาลยืนยันว่ามาตรการนี้ช่วยให้เอลซัลวาดอร์ปลอดภัยขึ้น แต่ฝ่ายวิจารณ์มองว่าเป็นการละเมิดสิทธิของประชาชนและนำไปสู่การควบคุมตัวโดยมิชอบนับไม่ถ้วน

ทางด้านนายบูเคเลยอมรับว่ามีผู้บริสุทธิ์บางส่วนถูกจับกุมโดยผิดพลาด แต่ยืนยันว่าหลายพันคนได้รับการปล่อยตัวแล้ว เขามองว่ามาตรการที่เข้มงวดเหล่านี้มีความจำเป็นในการเปลี่ยนแปลงประเทศ จากอดีตที่เคยถูกขนานนามว่าเป็น เมืองหลวงแห่งการฆาตกรรมของโลก ให้กลายเป็นหนึ่งในประเทศที่ปลอดภัยที่สุด