พรรคฝ่ายค้านของกรีนแลนด์สร้างเซอร์ไพรส์ด้วยการคว้าชัยชนะในการเลือกตั้งใหญ่ ท่ามกลางกระแสการแยกตัวเป็นอิสระ ขณะที่ โดนัลด์ ทรัมป์ ต้องการดินแดนแห่งนี้เป็นของสหรัฐฯ
สำนักข่าวต่างประเทศรายงานว่า พรรคเดโมคราติต (Demokraatit) ฝ่ายกลาง-ขวา ผู้สนับสนุนการแยกตัวเป็นอิสระจากเดนมาร์กแบบค่อยเป็นค่อยไป คว้าชัยชนะในการเลือกตั้งใหญ่ของเขตกึ่งปกครองตนเองกรีนแลนด์ หลังผลการนับคะแนนที่ใกล้เสร็จสิ้นชี้ว่า พวกเขาได้คะแนนเสียงไปประมาณ 30%
นายเยนส์-เฟรเดอริค เนลเซน หัวหน้าพรรคเดโมคราติต บอกกับสื่อท้องถิ่นว่า “กรีนแลนด์ต้องการให้พวกเรายืนเคียงข้างกันในช่วงเวลาที่ได้รับความสนใจอย่างมากจากภายนอก” “มีความจำเป็นต้องสามัคคีกันเพื่อที่เราจะได้เข้าสู่การเจรจากับทุกฝ่าย”
หลังจากนี้ พรรคของนายเนลเซนจะต้องเจรจากับพรรคอื่นๆ เพื่อร่วมกันจัดตั้งรัฐบาล โดยพรรคการเมืองที่ลงชิงชัยในการเลือกตั้งครั้งล่าสุดนี้จำนวน 5 จาก 6 พรรค ต่างสนับสนุนการแยกกรีนแลนด์เป็นอิสระจากเดนมาร์ก แต่พวกเขามีความเห็นไม่ตรงกันในเรื่องจังหวะเวลาและความเร็วของกระบวนการแยกตัว
พรรคเดโมคราติตซึ่งได้คะแนนโหวตมากกว่าการเลือกตั้งปี 2564 ถึง 20% ถือเป็นพรรคสายกลางในเรื่องการแยกตัวเป็นอิสระ
ส่วนพรรค “แนลีรัค” (Naleraq) อีกหนึ่งพรรคฝ่ายค้านผู้สนับสนุนการเริ่มกระบวนการแยกตัวในทันที และสร้างความสัมพันธ์ที่ใกล้ชิดขึ้นกับสหรัฐฯ มาคะแนนตามมาเป็นอันดับที่ 2 โดยได้ไปเกือบ 25%
ความนิยมของพรรคแนลีรัคพุ่งสูงขึ้นก่อนที่การเลือกตั้งจะมาถึง หลังจาก น.ส.อากี-มาทิลดา ฮูห์-ดัม หนึ่งในนักการเมืองอายุน้อยที่มีคะแนนนิยมมากที่สุด ตัดสินใจย้ายฝั่งจากหนึ่งในพรรคร่วมรัฐบาลมาเข้าร่วมพรรคแนลีรัค โดยเธอมีคะแนนนิยมเป็นรองเพียงนายเนลเซนเพียงคนเดียวเท่านั้น
...
ขณะที่ 2 พรรคร่วมรัฐบาลในปัจจุบัน ได้แก่พรรค “อินูอิท แอทะกาทิกอิท” (Inuit Ataqatigiit - IA) กับพรรค “ซีอูมุท” (Siumut) ได้คะแนนเป็นอันดับ 3 กับ 4
ทั้งนี้ กรีนแลนด์เป็นเกาะขนาดใหญ่ที่สุดในโลก แต่มีประชากรเพียง 57,000 คน ถูกปกครองโดยประเทศเดนมาร์กซึ่งอยู่ห่างออกไปเกือบ 3,000 กม.มานานกว่า 300 ปี โดยกรีนแลนด์เป็นดินแดนกึ่งปกครองตนเอง มีสิทธิ์ตัดสินใจเรื่องกิจการภายใน แต่เดนมาร์กเป็นผู้ตัดสินใจเรื่องนโยบายต่างประเทศและกลาโหม
ศาสตราจารย์ มาเรีย อัคเรน จากมหาวิทยาลัยกรีนแลนด์ เชื่อว่า สาเหตุที่พรรคเดโมคราติตชนะการเลือกตั้งในครั้งนี้ เป็นเพราะหัวหน้าพรรคอย่างนายเนลเซนสนับสนุนการแยกตัวเป็นอิสระอย่างค่อยเป็นค่อยไป โดยมุ่งเน้นทำให้การบริการตนเองของกรีนแลนด์ประสบความสำเร็จเสียก่อน
ขณะเดียวกัน ถึงแม้ว่าเป้าหมายสุดท้ายของชาวกรีนแลนด์ส่วนใหญ่จะเป็นการแยกตัวเป็นอิสระ แต่พวกเขาก็ต้องการให้มีการปฏิรูปทั้งเรื่องเศรษฐกิจ, สาธารณสุข และภาคส่วนอื่นๆ เสียก่อน
กรีนแลนด์ยังถูกมองว่าเป็นแหล่งทรัพยากรแร่ธาตุที่ยังไม่ถูกแตะต้อง และเป็นที่จับตาของใครหลายๆ คนโดยเฉพาะ โดนัลด์ ทรัมป์ โดยเขาพูดเรื่องการซื้อเกาะกรีนแลนด์จากเดนมาร์กครั้งแรกในปี 2562 ตอนเป็นประธานาธิบดีสมัยแรก และหลังจากรับตำแหน่งสมัยที่ 2 เขาก็เน้นย้ำความต้องการครอบครองดินแดนแห่งนี้อีกครั้ง
อย่างไรก็ตาม ทั้งรัฐบาลกรีนแลนด์และเดนมาร์กต่างปฏิเสธความต้องการของนายทรัมป์ โดยนายเนลเซน ผู้นำพรรคเดโมคราติตกล่าวว่า กรีนแลนด์ต้องรับมือสหรัฐฯ อย่างใจเย็น และชาวกรีนแลนด์ควรยืนอยู่เคียงข้างกันและพูดเป็นเสียงเดียวกัน
ติดตามข่าวต่างประเทศ : https://www.thairath.co.th/news/foreign
ที่มา : bbc