กองกำลังฝ่ายรัฐบาลใหม่กับกลุ่มโปรอัสซาดปะทะกันต่อเนื่อง 4 วัน ทำให้มีผู้เสียชีวิตมากกว่า 1,000 ศพแล้ว โดยเกือบ 3 ใน 4 เป็นพลเรือน
สำนักข่าวต่างประเทศรายงานว่า เมื่อวันอาทิตย์ที่ 9 มี.ค. 2568 นายอาเหม็ด อัล-ชารา รักษาการประธานาธิบดีซีเรีย ออกมาเรียกร้องขอความสงบและความสามัคคีภายในชาติ หลังมีรายงานว่าพลเรือนจำนวนหลายร้อยคนถูกสังหารในการปะทะกันระหว่างกองกำลังฝ่ายหนุนรัฐบาลกับฝ่ายหนุนขั้วอำนาจเก่าของอดีตประธานาธิบดี บาชาร์ อัล-อัสซาด
การปะทะดังกล่าวปะทุขึ้นในจังหวัดลาตาเกียกับทาร์ทุส อันเป็นถิ่นที่อยู่ของชนกลุ่มน้อยชาวอลาไวต์ (Alawite) ซึ่งเป็นชนชาติเดียวกับนายอัสซาด บริเวณชายฝั่งทางตะวันตกของประเทศ ติดกับทะเลเมดิเตอร์เรเนียนตั้งแต่เมื่อ 6 มี.ค. ก่อนที่การต่อสู้จะรุนแรงขึ้นจนมีรายงานว่าเกิดการสังหารหมู่พลเรือน
กลุ่มสังเกตการณ์เพื่อสิทธิมนุษยชนในซีเรีย (SOHR) ซึ่งติดตามสถานการณ์การต่อสู้ในซีเรียมานานนับสิบปี ระบุว่า การสังหารหมู่กว่า 30 ครั้งระหว่างวันศุกร์และเสาร์ที่ผ่านมา โดยมีเป้าหมายไปที่ชาวอลาไวต์ ทำให้มีพลเรือนเสียชีวิตแล้วประมาณ 745 ศพ
อย่างไรก็ตาม เมื่อรวมกับจำนวนทหารและนักรบติดอาวุธที่เสียชีวิตในการต่อสู้ตลอด 4 วันที่ผ่านมา จำนวนผู้เสียชีวิตรวมจะมีมากกว่า 1,000 ศพ โดยกองกำลังฝ่ายสนับสนุนรัฐบาลใหม่เสียชีวิตไป 125 ศพ ส่วนฝ่ายหนุนอัสซาดเสียชีวิต 148 ศพ
“เราต้องรักษาความเป็นหนึ่งเดียวและความสงบสุขให้มากที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ และเราจะสามารถใช้ชีวิตอยู่ด้วยกันในประเทศแห่งนี้” นายชารากล่าวที่กรุงดามัสกัสเมื่อวันอาทิตย์ และเสริมด้วยว่า “สิ่งที่กำลังเกิดขึ้นในซีเรียตอนนี้ เป็นความท้าทายที่คาดการณ์เอาไว้แล้ว” อย่างไรก็ตาม เขาไม่ได้พูดถึงข้อกล่าวหาที่ว่าฝ่ายสนับสนุนเขาสังหารหมู่ประชาชน
...
ทั้งนี้ เหตุความรุนแรงในซีเรียครั้งนี้มีชนวนเหตุมาจากการลอบโจมตีกองทัพฝ่ายรัฐบาลเมื่อวันพฤหัสบดี (6 มี.ค.) และหลังจากนั้นการต่อสู้ก็ทวีความรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ
สื่อท้องถิ่นของซีเรียรายงานในวันอาทิตย์ว่า การต่อสู้ระหว่างกองกำลังฝ่ายรัฐบาลกับฝ่ายโปรอัสซาดปะทุขึ้นที่โรงงานไฟฟ้าพลังงานก๊าซที่เมืองบานิอัส ซึ่งตั้งอยู่ระหว่างเมืองลาตาเกียกับเมืองทาร์ทุสด้วย
ติดตามข่าวต่างประเทศ : https://www.thairath.co.th/news/foreign
ที่มา : bbc