- ทรัมป์แถลงต่อรัฐสภา ระบุถึงแผนการเก็บภาษีศุลกากรจากพันธมิตรการค้าหลัก เช่น เม็กซิโก แคนาดา และจีน โดยคาดการณ์ว่าผลกระทบจะไม่รุนแรง แต่อย่างไรก็ตามได้ก่อให้เกิดความขัดแย้งภายในพรรครีพับลิกันเอง เพราะบางคนในพรรคไม่เห็นด้วยกับการตัดสินใจนี้ และมองว่าผลกระทบจากการเก็บภาษีอาจจะมากเกินไป จึงทำให้พรรครีพับลิกันมีความคิดเห็นแตกต่างกันในเรื่องนี้
- ทรัมป์กล่าวถึงความพยายามในการฟื้นฟูความสัมพันธ์กับยูเครน พร้อมรับจดหมายจากประธานาธิบดีเซเลนสกี้ที่แสดงความพร้อมในการทำงานร่วมกับสหรัฐฯ เพื่อยุติสงครามและเจรจาสันติภาพ
- นอกจากนี้ ทรัมป์ยังยกอีลอน มัสก์ เป็นตัวอย่างของการปฏิรูปภาครัฐที่ลดจำนวนพนักงานและตัดลดงบประมาณ แต่การตัดสินใจนี้กลับเผชิญการต่อต้านจากพรรคเดโมแครตที่แสดงท่าทีคัดค้านในหลายรูปแบบ
ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์กล่าวในการปราศรัยต่อทั้งสองสภาของสหรัฐอเมริกา ว่าการกลับมาของเขาเป็นสัญลักษณ์ของ "ยุคที่ประสบความสำเร็จที่สุดในประวัติศาสตร์ของประเทศ" โดยเขาบอกว่าในช่วงเวลา 43 วันที่เขาทำงานในตำแหน่งประธานาธิบดี เขาทำสิ่งต่าง ๆ ได้มากกว่าในการดำรงตำแหน่งของหลาย ๆ รัฐบาลที่ดำรงตำแหน่งถึง 4 หรือ 8 ปี ซึ่งผู้นำสหรัฐฯได้เน้นถึงความสำเร็จในช่วงเวลาสั้น ๆ ที่เขาดำรงตำแหน่งและเปรียบเทียบกับผลงานของรัฐบาลอื่น ๆ ที่ใช้เวลานานกว่า
โดยในการกล่าวสุนทรพจน์ร่วมของสภาคองเกรสครั้งแรกนับตั้งแต่เขากลับสู่อำนาจ ประธานาธิบดีทรัมป์ ได้ประกาศว่า "ความฝันอเมริกันไม่สามารถหยุดยั้งได้" พร้อมอธิบายวิสัยทัศน์สำหรับการดำรงตำแหน่งในสมัยที่สองของเขา ขณะที่พรรครีพับลิกันยกย่องและปรบมือให้กับการทำงานที่รวดเร็วและมีพลังการเปลี่ยนแปลงในช่วง 6 สัปดาห์ที่ผ่านมา ซึ่งเป็นการเปลี่ยนแปลงนโยบายทั้งภายในประเทศและต่างประเทศอย่างรวดเร็ว
...
การคาดการณ์เศรษฐกิจที่มีความท้าทาย
หนึ่งในหัวข้อสำคัญที่ทรัมป์กล่าวถึงคือการที่เขาใช้ภาษีศุลกากรที่มีความขัดแย้ง ซึ่งทำให้เกิดความวิตกกังวลทั้งในประเทศและระหว่างประเทศ โดยในสัปดาห์ที่ผ่านมา ทรัมป์ได้ประกาศการเก็บภาษี 25% จากสินค้าจากเม็กซิโกและแคนาดา และเพิ่มภาษีอีก 10% จากสินค้าจีน แม้ว่าหุ้นจะตกลงอย่างรุนแรงในวันที่สองหลังจากการประกาศ แต่ทรัมป์ก็ยังคงบอกว่ามั่นใจ โดยบอกว่าไม่ต้องกังวลกับผลกระทบระยะสั้น เพราะผลประโยชน์ระยะยาวจะคุ้มค่า
อย่างไรก็ตาม นโยบายภาษีนี้กลับสร้างความแตกแยกภายในพรรครีพับลิกัน โดยหลายคนในพรรคยังคงนั่งนิ่งไม่ยอมปรบมือ ซึ่งแสดงให้เห็นว่ามีการแบ่งแยกในเรื่องนี้ ทรัมป์ยังกล่าวเพิ่มเติมว่า ภาษีศุลกากรจะทำให้อเมริกากลับมาร่ำรวยและยิ่งใหญ่ และเชื่อว่ามันจะเกิดขึ้นอย่างรวดเร็ว ถึงแม้จะถูกรบกวนเล็กน้อยก็ตาม
ความสัมพันธ์ระหว่างสหรัฐฯ กับยูเครน
ช่วงเวลาหนึ่งที่สำคัญในสุนทรพจน์ของทรัมป์คือการพูดถึงความสัมพันธ์กับยูเครน โดยเขาเปิดเผยว่าได้รับ จดหมายสำคัญ จากประธานาธิบดีโวโลดิเมียร์ เซเลนสกี้ ของยูเครน ซึ่งระบุว่า ยูเครนพร้อมที่จะทำงานร่วมกับทรัมป์ภายใต้ การนำที่แข็งแกร่ง เพื่อยุติสงครามและเข้าสู่การเจรจาสันติภาพอย่างเร็วที่สุด
อย่างไรก็ตาม ก่อนหน้านี้มีความตึงเครียดระหว่างประธานาธิบดีทรัมป์และประธานาธิบดีเซเลนสกี ของยูเครน เกี่ยวกับการที่ทรัมป์ตัดสินใจหยุดการส่งความช่วยเหลือทางทหารให้ยูเครน โดยสาเหตุหลักมาจากการประชุมที่เกิดขึ้นในทำเนียบขาว ซึ่งในระหว่างการประชุมนี้ ทั้งสองผู้นำได้มีการทะเลาะกันเรื่องการลงนามในข้อตกลงที่เกี่ยวข้องกับแร่ธาตุจากทรัพยากรธรรมชาติของยูเครน ซึ่งแผนการนั้นถูกยกเลิกไป
กรีนแลนด์และการขยายอิทธิพล
ในส่วนของวิสัยทัศน์ทางโของทรัมป์ เขายืนยันที่จะซื้อเกาะกรีนแลนด์ จากเดนมาร์ก โดยกล่าวว่า เราจะได้มันมา ด้วยวิธีใดวิธีหนึ่ง ซึ่งสะท้อนถึงความทะเยอทะยานของเขาที่จะขยายอิทธิพลของสหรัฐฯ ไปยังพื้นที่สำคัญของโลก
...
นอกจากนี้ ทรัมป์ยังกล่าวถึงการฟื้นฟูช่องแคบปานามา ซึ่งเป็นการสะท้อนความต้องการของเขาที่จะควบคุมทรัพยากรทางยุทธศาสตร์สำคัญของโลก ทรัมป์ยังได้วิจารณ์การใช้จ่ายของรัฐบาลสหรัฐฯ ในหลายประเทศในแอฟริกา เช่น ไลบีเรีย มาลี โมซัมบิก และยูกันดา โดยบอกว่าเงินภาษีของประชาชนถูกใช้ในโครงการช่วยเหลือที่ไม่คุ้มค่า
เขายังกล่าวถึงประเทศเลโซโธ ประเทศที่ไม่มีใครเคยได้ยินชื่อ แม้ว่าจะได้รับเงินช่วยเหลือ 8 ล้านดอลลาร์เพื่อส่งเสริมสิทธิ LGBT แต่รัฐบาลเลโซโธได้ตอบโต้คำพูดของทรัมป์ทันที โดยชี้ให้เห็นว่าประเทศของตนมีสถานทูตถาวรของสหรัฐฯ อยู่ในประเทศ
หนุนอีลอน มัสก์ และการปฏิรูปภาครัฐ
หนึ่งในช่วงที่สำคัญคือการที่ทรัมป์กล่าวถึงอีลิน มัสก์ ที่ปรึกษารัฐบาล ซึ่งอยู่ในแกลลอรีขณะที่ทรัมป์กล่าวสุนทรพจน์ ทรัมป์กล่าวขอบคุณมัสก์ที่ทำงานหนักและพยายามปฏิรูประบบราชการ โดยเฉพาะการยุบพนักงานของรัฐบาลกลางและตัดลดงบประมาณจากโครงการต่างๆ ของรัฐบาล ซึ่งการปฏิรูปนี้สร้างความขัดแย้งอย่างรุนแรงในหลายๆ ที่ รวมถึงการประชุมในเมืองต่างๆ ที่มีผู้ประท้วงออกมาคัดค้าน
...
หลังจากกล่าวสุนทรพจน์ เสร็จสิ้น พรรคเดโมแครตได้เลือกให้เอลิสซ่า สล็อทกิน ส.ส. จากรัฐมิชิแกน เป็นตัวแทนในการตอบโต้ โดยเธอได้วิจารณ์ทรัมป์ว่า แจกของขวัญที่ไม่เคยมีมาก่อนให้กับเพื่อนมหาเศรษฐี และเตือนว่า เขากำลังพาเราก้าวไปสู่ภาวะถดถอย
สุนทรพจน์ของทรัมป์ไม่เพียงแต่สะท้อนถึงวิสัยทัศน์ในอนาคตของเขาเท่านั้น แต่ยังสะท้อนความแตกแยกในสังคมอเมริกันที่ลึกซึ้งขึ้น นโยบายจากภาษีศุลกากรไปจนถึงความสัมพันธ์ระหว่างประเทศได้สร้างแรงกระเพื่อมที่ใหญ่หลวงในทั้งประเทศและต่างประเทศ การเดินหน้าของทรัมป์ในสมัยที่สองน่าจะเต็มไปด้วยการปะทะกันทางการเมืองที่ดุเดือด และความตึงเครียดที่ยังคงมีอยู่ในทุกๆ
วางเดิมพันกับพลังงานเพื่อสู้กับอัตราเงินเฟ้อ
ทรัมป์ได้ให้สัญญากับผู้ลงคะแนนว่าจะเอาชนะเงินเฟ้อเมื่อเขากลับสู่ทำเนียบขาว และเขาใช้โอกาสในสุนทรพจน์นี้เพื่อบอกว่าแผนของเขาคือการลดค่าพลังงานโดยการเปิดโอกาสให้มีการขุดเจาะน้ำมันและก๊าซธรรมชาติใหม่ทั่วประเทศ
ทรัมป์บอกว่าอเมริกาเรามีน้ำมันดิบมหาศาล และมากที่สุดเท่าที่ประเทศใดๆ จะมีได้ และเขาอนุมัติให้ทีมที่มีความสามารถที่สุดที่เคยรวบรวมมาไปทำมัน ขณะที่ปัญหาวิกฤตราคาไข่ซึ่งได้เป็นข่าวพาดหัวในช่วงที่ผ่านมา ทรัมป์ได้กล่าวว่า โจ ไบเดน คือตัวการของปัญหา โดยเฉพาะทำให้ราคาของไข่พุ่งขึ้นไปเกินกว่าการควบคุม และทรัมป์กำลังทำงานหนักเพื่อลดราคาไข่กลับลงมา
โดยราคาของไข่ไก่ได้พุ่งสูงขึ้นเมื่อรัฐบาลไบเดนสั่งให้มีการฆ่าสัตว์ปีกหลายล้านตัวเมื่อปีที่แล้วในช่วงที่เกิดการระบาดของโรคไข้หวัดนก แต่ราคาก็ยังคงสูงต่อเนื่องในช่วงต้นของการกลับมาของทรัมป์ในตำแหน่งประธานาธิบดี
ขณะที่อัตราเงินเฟ้อเมื่อเดือนที่แล้วอยู่ที่ 3% ซึ่งต่ำกว่าจุดสูงสุดที่ 9.1% ในปี 2565 แม้จะมีการปรับลดลงแล้ว แต่ก็ยังคงเป็นปัญหาสำคัญ ซึ่งจากการสำรวจของ Reuters/Ipsos พบว่า มีเพียง 1 ใน3 ของชาวอเมริกันที่เห็นด้วยกับการจัดการค่าครองชีพของทรัมป์
...