• โดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐฯ ออกคำสั่งให้รัฐบาลของเขาระงับความช่วยเหลือทางทหารทั้งหมดที่จะมอบให้ยูเครนแล้ว เพื่อกดดันให้ผู้นำยูเครนยอมรับกระบวนการสันติภาพ

  • การหยุดส่งความช่วยเหลือของสหรัฐฯ อาจสร้างปัญหาทางยุทธศาสตร์รุนแรงแก่ฝ่ายยูเครน ซึ่งต้องพึ่งพาการสนับสนุนทางทหารและเศรษฐกิจจากชาติพันธมิตร เพื่อรับมือการโจมตีของรัสเซีย

  • ผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นในทันทีคือด้านการป้องกันทางอากาศ ในขณะที่ยูเครนจะค่อยๆ ขาดแคลนเครื่องกระสุนและอาวุธสำคัญมากขึ้นเรื่อยๆ โดยที่ยุโรปไม่สามารถเข้ามาแทนที่สหรัฐฯ ได้

โดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐฯ ออกคำสั่งให้รัฐบาลของเขาระงับความช่วยเหลือทางทหารทั้งหมดที่จะมอบให้ยูเครนแล้ว หลังการเจรจาข้อตกลงแร่ธาตุหายากที่ทำเนียบขาวระหว่างนายทรัมป์กับโวโลดีเมียร์ เซเลนสกี ผู้นำยูเครนเมื่อสัปดาห์ก่อน จบลงด้วยการโต้เถียงกันอย่างดุเดือด

การหยุดส่งความช่วยเหลือของสหรัฐฯ อาจสร้างปัญหาทางยุทธศาสตร์รุนแรงแก่ฝ่ายยูเครน ซึ่งต้องพึ่งพาการสนับสนุนทางทหารและเศรษฐกิจจากชาติพันธมิตรฝั่งตะวันตกอย่างหนัก เพื่อตอบโต้การบุกโจมตีของรัสเซียที่ดำเนินมานานกว่า 3 ปีแล้ว

ถึงแม้ว่าในตอนนี้อาวุธส่วนใหญ่ที่ถูกส่งไปยังสนามรบจะเป็นของที่ยูเครนกับพันธมิตรยุโรปผลิต แต่ก็มีอาวุธบางอย่างของสหรัฐฯ ที่หาทดแทนไม่ได้ ทำให้คาดกันว่าแนวหน้าของยูเครนจะไม่ถึงกับพังทลายในทันที แต่ความเสียหายจะสะสมมากขึ้นเรื่อยๆ เมื่อเวลาผ่านไป

...

ความสัมพันธ์ร้าวลึก

ในการโต้เถียงกันเมื่อวันศุกร์ที่ 28 ก.พ. 2568 นายทรัมป์วิพากษ์วิจารณ์เซเลนสกีกว่าไม่สำนึกบุญคุณสหรัฐฯ ที่ให้การสนับสนุนพวกเขาทำสงครามกับรัสเซีย โดยตลอด 3 ปีที่ผ่านมา สหรัฐฯ ทุ่มงบประมาณนับหมื่นล้านดอลลาร์ ส่งอาวุธมากมายไปให้ตั้งแต่รถถังยันจรวดมิสไซล์

แต่ความสัมพันธ์ระหว่างยูเครนกับสหรัฐฯ เริ่มมีรอยร้าวตั้งแต่ก่อนหน้านั้นแล้ว เนื่องจากในช่วงกลางเดือนกุมภาพันธ์ นายทรัมป์โทรศัพท์ติดต่อวลาดิเมียร์ ปูติน ผู้นำรัสเซียก่อนเซเลนสกี รวมถึงส่งผู้แทนระดับสูงไปร่วมการประชุมกับรัสเซียที่ซาอุดีอาระเบีย และตกลงกันว่าจะมีการพูดคุยมากขึ้นเพื่อยุติสงคราม โดยที่ยูเครนไม่ได้รับเชิญให้ไปร่วมสนทนาในครั้งนี้

อย่างไรก็ตาม ยูเครนไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากต้องพึ่งพาสหรัฐฯ ในวันอังคารที่ 4 มี.ค. เซเลนสกีจึงออกแถลงการณ์ ยอมรับว่าการโต้เถียงที่เกิดขึ้นเป็นเรื่องน่าเสียใจ และว่าเขากับทีมงานพร้อมจะทำงานภายใต้ความเป็นผู้นำที่เข้มแข็งของประธานาธิบดีทรัมป์ เพื่อให้ได้สันติภาพที่ยั่งยืน

เซเลนสกียังกล่าวขอบคุณสหรัฐฯ สำหรับความช่วยเหลือที่ผ่านมา “เราให้ความสำคัญจริงๆ กับสิ่งที่สหรัฐฯ ทำเพื่อช่วยให้ยูเครนรักษาอธิปไตยและเอกราชเอาไว้ได้” “และเราจะจดจำช่วงเวลาที่หลายสิ่งหลายอย่างเปลี่ยนไปตอนที่ประธานาธิบดีทรัมป์ มอบ (มิสไซล์) จาเวลินให้เรา เราขอบคุณสำหรับเรื่องนี้”

แต่ปัญหาคือตอนนี้ยูเครนตกเป็นฝ่ายตั้งรับ โดยนายอเล็กเซย์ มูราวิเยฟ ผู้ช่วยศาสตราจารย์วิชาศึกษายุทธศาสตร์และความมั่นคงแห่งชาติจากมหาวิทยาลัยเคอร์ติน เตือนว่า ยูเครนไม่มีความได้เปรียบในสนามรบ แม้จะพยายามต่อต้านอย่างหนัก แต่พวกเขาไม่ได้กำลังจะชนะ ซึ่งนั่นไม่ใช่เงื่อนไขที่ดีเลยสำหรับยูเครนในแง่ของการเจรจา

ผลกระทบต่อยูเครน

เจ้าหน้าที่ข่าวกรองของยูเครนคนหนึ่ง บอกกับสำนักข่าวเอบีซี นิวส์ ว่า ผลกระทบจากการหยุดส่งความช่วยเหลือทางทหารของสหรัฐฯ จะเริ่มรู้สึกได้ภายใน 2 สัปดาห์ และความยากลำบากที่สุดจะมาถึงในเดือนมิถุนายนหรือกรกฎาคม เมื่อปัญหาเครื่องกระสุนขาดแคลนเลวร้ายลง

ตอนนี้ อาวุธยุทโธปกรณ์ที่สหรัฐฯ สัญญาจะมอบให้ยูเครนภายใต้ “อำนาจเบิกถอนของประธานาธิบดี” (PDA) ถูกส่งไปให้ยูเครนแล้วกว่า 90% นั่นรวมถึงเครื่องกระสุนและระบบต่อต้านยานเกราะ เช่น มิสไซล์จาเวลิน ส่วนที่ยังไม่ส่งไปส่วนใหญ่คือรถหุ้มเกราะที่ต้องใช้เวลาปรับปรุงนานกว่า โดยคาดว่าจะพร้อมส่งภายในไม่กี่เดือนข้างหน้า

ยูเครนยังมีสัญญาซื้อกับบริษัทเอกชนของสหรัฐฯ ซึ่งจะทำให้ยูเครนมีอาวุธยุทโธปกรณ์ไหลเข้าประเทศเรื่อยๆ ปีหลายปี แต่ก็มีความเป็นไปได้ที่รัฐบาลสหรัฐฯ จะใช้คำสั่งฉุกเฉินเพื่อขัดขวางการส่งมอบดังกล่าว แต่ตอนนี้ยังไม่มีข้อบ่งชี้ว่าสหรัฐฯ จะทำเช่นนั้น

ตอนนี้ยังไม่แน่ชัดว่าอุปกรณ์อะไรที่จะถูกระงับการส่งให้ยูเครนบ้าง แต่ความช่วยเหลือภายใต้อำนาจเบิกถอนฯ 4 แพ็กเกจสุดท้ายของอดีตประธานาธิบดีโจ ไบเดน ซึ่งประกาศในเดือนธันวาคม-มกราคม รวมถึงมิสไซล์และอุปกรณ์สนับสนุนสำหรับเครื่องบิน F-16, จรวดสำหรับใช้กับระบบ “HIMARS”, กระสุนปืนใหญ่ และมิสไซล์ภาคพื้นสู่อากาศ

ผลกระทบที่น่าจะเกิดขึ้นก่อนเลยคือด้านการป้องกันทางอากาศ กองทัพของยูเครนกับเมืองต่างๆ จะเสี่ยงต่อการโจมตีด้วยโดรนกับมิสไซล์ของรัสเซียมากขึ้น นอกจากนั้นพวกเขาจะขาดมิสไซล์ HIMARS ในการโจมตีลึกเข้าไปในดินแดนของรัสเซียด้วย

หากสหรัฐฯ หยุดแบ่งปันข้อมูลและข่าวกรอง ยูเครนก็จะสูญเสียการรับรู้สถานการณ์ของสนามรบในระดับที่เป็นอยู่ในปัจจุบัน หลังจากนั้น ยูเครนจะเริ่มเผชิญกับภาวะขาดแคลนเครื่องกระสุนอย่างรุนแรงภายในช่วงกลางฤดูร้อน ซึ่งจะทำให้แนวป้องกันของพวกเขาอ่อนแอลงมาก เสี่ยงให้รัสเซียทะลวงผ่านและยึดดินแดนได้มากขึ้น

...

ยุโรปแทนที่สหรัฐฯ ไม่ได้

ในขณะที่ยูเครนกำลังมีปัญหากับสหรัฐฯ แต่ชาติยุโรปยังคงยืนยันจะให้ความช่วยเหลือแก่ยูเครนต่อไป และสัญญาว่าจะช่วยมากขึ้นด้วย แต่พวกเขาต้องดำเนินนโยบายอย่างระมัดระวัง เพื่อไม่ให้มีปัญหากับโดนัลด์ ทรัมป์ ที่ประกาศกร้าวว่าต้องการยุติสงครามโดยเร็วที่สุด

นายมัลคอล์ม ชาลเมอร์ส รองผู้อำนวยการสถาบัน Royal United Services Institute (RUSI) ในสหราชอาณาจักร ระบุว่า ผลการประเมินล่าสุดพบว่าในบรรดายุทโธปกรณ์ทั้งหมดที่ถูกส่งไปยังแนวหน้า มีอุปกรณ์ของสหรัฐฯ เพียง 20% ขณะที่ 25% มาจากยุโรป และ 55% เป็นของที่ผลิตภายในยูเครน แต่ 20% ที่ว่ากลับเป็นยุทโธปกรณ์ที่อานุภาพสูงและสำคัญที่สุด

นายเฟดีร์ เวนิสลาฟสกี สมาชิกคณะกรรมการกลาโหมแห่งรัฐสภายูเครน บอกกับสื่อท้องถิ่นว่า ตอนนี้เคียฟมียุทโธปกรณ์พอให้ใช้ต่อสู้ได้อีก 6 เดือนโดยไม่ต้องมีการสนับสนุนอย่างเป็นระบบจากสหรัฐฯ แต่การขาดความช่วยเหลือจะทำให้สถานการณ์ซับซ้อนขึ้น และพวกเขาต้องเร่งหาอาวุธสำคัญจากแหล่งอื่น

ด้านนายมูราวิเยฟกล่าวว่า ตอนนี้เซเลนสกีกำลังฝากความหวังไว้ที่การสนับสนุนจากยุโรป โดยอาจไม่รู้ถึงข้อจำกัดว่ายุโรปสามารถมอบอะไรให้พวกเขาได้บ้าง และยุโรปไม่สามารถมาแทนที่การสนับสนุนจากสหรัฐฯ ได้

“หากเซเลนสกีหรือทรัมป์ฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งไม่ยอมโอนอ่อน เราจะได้เห็นการต่อสู้กันระหว่างอีโก้ และใช่ มันจะส่งผลเสียต่อยูเครนและทำให้รัสเซียได้เปรียบมากขึ้น”





ผู้เขียน : ทิตชนม์ สว่างศรี

ที่มา : cnaabcnews

...