เซเลนสกีกล่าวขอบคุณสหรัฐฯ พร้อมย้ำว่าทั้งสองประเทศยังเป็นหุ้นส่วนทางยุทธศาสตร์ หลังปะทะคารมกับโดนัลด์ ทรัมป์ กลางวงเจรจาข้อตกลงแร่ธาตุ

สำนักข่าวต่างประเทศรายงานว่า โวโลดีเมียร์ เซเลนสกี ประธานาธิบดียูเครน เดินทางถึงสนามบินสแตนสเตด ในกรุงลอนดอนของสหราชอาณาจักรแล้ว ในวันเสาร์ที่ 1 มี.ค. 2568 หลังจากเมื่อวันศุกร์เขาเดินทางเยือนทำเนียบขาวสหรัฐฯ เพื่อเจรจาข้อตกลงแร่ธาตุ ซึ่งจบลงด้วยการปะทะคารมอย่างรุนแรงระหว่างทั้ง 2 ฝ่าย จนการเจรจาล่ม

ประธานาธิบดียูเครนระบุผ่าน X ว่า “ความช่วยเหลือของอเมริกาเป็นสิ่งสำคัญที่ช่วยให้พวกเรารอดชีวิตมาตลอด และผมอยากจะย้ำเรื่องนั้น” “แม้จะมีการสนทนาอย่างยากลำบาก เรายังคงเป็นหุ้นส่วนทางยุทธศาสตร์ แต่เราจำเป็นต้องซื่อสัตย์และตรงไปตรงมาต่อกันและกัน เพื่อเข้าใจเป้าหมายที่เรามีร่วมกันได้อย่างแท้จริง”

โพสต์ของเซเลนสกีเสริมอีกว่า ยูเครนขอบคุณสหรัฐฯ อย่างมากสำหรับการสนับสนุนทุกอย่าง โดยเฉพาะในช่วงการรุกรานเต็มรูปแบบตลอด 3 ปีที่ผ่านมา พร้อมทั้งขอขอบคุณประธานาธิบดีทรัมป์ และระบุว่า “ผมอยากให้สหรัฐฯ ยืนหยัดอยู่ฝ่ายเราอย่างมั่นคงมากขึ้น”

ในด้านข้อตกลงแบ่งผลกระโยชน์แร่ธาตุ เซเลนสกีระบุว่า ยูเครนพร้อมลงนามในข้อตกลง แต่สหรัฐฯ ต้องให้การรับประกันความมั่นคงแก่ยูเครน เนื่องจาก “การหยุดยิงโดยไม่มีการรับประกันความมั่นคงนั้น เป็นอันตรายต่อยูเครน”

ผู้นำยูเครนระบุอีกว่า ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ต้องการยุติสงคราม “แต่ไม่มีใครต้องการสันติภาพไปมากกว่าเราอีกแล้ว” “การหยุดยิงไม่ได้ผลกับ (วลาดิเมียร์) ปูติน เขาละเมิดการหยุดยิงมา 25 ครั้งแรกตลอดช่วง 10 ปีที่ผ่านมา สันติภาพที่แท้จริงจงเป็นทางออกเดียว”

...

เซเลนสกีย้ำว่า เขาไม่สามารถเปลี่ยนแปลงจุดยืนของยูเครนในเรื่องรัสเซียได้ “รัสเซียกำลังเข่นฆ่าพวกเรา รัสเซียคือศัตรู และนั่นคือความเป็นจริงที่เรากำลังเผชิญ ยูเครนต้องการสันติภาพ แต่แต่มันต้องเป็นสันติอย่างเป็นธรรมและยั่งยืน เพื่อการนั้น เราจำเป็นต้องเข้มแข็งบนโต๊ะเจรจา”

ผู้นำยูเครนยอมรับด้วยว่า เป็นเรื่องยากที่จะต่อสู้กับรัสเซียต่อไปหากปราศจากการสนับสนุนของสหรัฐฯ และว่าชาวยูเครนทุกคนต้องการฟังจุดยืนอันเข้มแข็งของสหรัฐฯ สหรัฐฯ จำเป็นต้องนิยามว่าการรับประกันด้านความมั่งคงที่ยูเครนจะได้รับคืออะไร ระดับไหน และเมื่อไร?

“ความสัมพันธ์ของเรากับประธานาธิบดีอเมริกันเป็นมากกว่าแค่ผู้นำ 2 คน มันยังมีประวัติศาสตร์และสายสัมพันธ์อันแข็งแกร่งระหว่างประชาชนของเราด้วย”

ติดตามข่าวต่างประเทศ : https://www.thairath.co.th/news/foreign

ที่มา : bbc