สมเด็จพระสันตะปาปาฟรานซิส พระชนม์ 88 พรรษา ทรงประสบภาวะหายใจติดขัดเฉียบพลันในโรงพยาบาล หลังจากทรงเข้ารับการรักษาโรคปอดบวมมานานกว่า 2 สัปดาห์ ส่งผลให้ต้องใช้เครื่องช่วยหายใจอย่างเร่งด่วน แม้ก่อนหน้านี้จะมีรายงานว่าอาการทรงตัว วาติกันระบุว่ายังต้องติดตามอาการอีก 24-48 ชั่วโมง
วันที่ 1 มีนาคม 2568 สำนักข่าว BBC รายงานว่า สำนักวาติกันแถลงเกี่ยวกับความคืบหน้าพระอาการของสมเด็จพระสันตะปาปาฟรานซิส ที่อยู่ระหว่างรับการรักษาที่โรงพยาบาลเจเมลลี ในกรุงโรม โดยระบุว่า ขณะนี้ทรงเผชิญวิกฤติภาวะหายใจลำบากเฉียบพลัน (Isolated breathing crisis) เมื่อช่วงบ่ายวันศุกร์ที่ผ่านมา ตามเวลาท้องถิ่น ส่งผลให้เกิดอาการอาเจียนและการหายใจแย่ลงอย่างกะทันหัน และทีมแพทย์ต้องเร่งทำการ ดูดของเหลวออกจากปอด (bronchoaspiration) และใช้เครื่องช่วยหายใจแบบไม่รุกล้ำ (Non-Invasive Ventilation - NIV) ซึ่งก็คือ เครื่องช่วยหายใจที่ไม่ต้องใส่ท่อช่วยหายใจเข้าไปในหลอดลม แต่ใช้ หน้ากากครอบจมูกหรือปาก เพื่อช่วยส่งอากาศและออกซิเจนเข้าสู่ปอด ซึ่งพระองค์ทรงตอบสนองต่อการรักษาได้ดี
แถลงการณ์ของวาติกันระบุว่า วิกฤตครั้งล่าสุดเกิดขึ้นเมื่อเวลาประมาณ 14:00 น. ตามเวลาท้องถิ่น แต่ยังไม่สามารถระบุได้ว่าอาการรุนแรงนานแค่ไหน อย่างไรก็ตาม นี่เป็นอาการทรุดหนักรอบใหม่ หลังจากก่อนหน้านี้มีรายงานว่า สุขภาพของพระองค์เริ่มดีขึ้น
โดยสมเด็จพระสันตะปาปาทรงเข้ารับการรักษาที่โรงพยาบาลแห่งนี้ ตั้งแต่วันที่ 14 กุมภาพันธ์ หลังทรงมีปัญหาทางเดินหายใจมาหลายวัน ตอนแรกแพทย์วินิจฉัยว่าเป็น หลอดลมอักเสบ (bronchitis) แต่ต่อมาพบว่าเป็น ปอดบวมทั้งสองข้าง
ต่อมาเมื่อวันที่ 22 กุมภาพันธ์ วาติกันแถลงว่าพระองค์ทรงเผชิญกับภาวะหายใจล้มเหลวอย่างรุนแรง และอยู่ในภาวะ "วิกฤต" และต่อมาในวันอาทิตย์ ได้ออกแถลงการณ์ว่า ไม่มีภาวะหายใจล้มเหลวเพิ่มเติม
...
แม้จะมีสัญญาณบวกในช่วงไม่กี่วันที่ผ่านมา แต่เหตุการณ์ล่าสุดทำให้ทีมแพทย์ยังไม่สามารถให้คำพยากรณ์แน่ชัดเกี่ยวกับสุขภาพของพระองค์ได้ วาติกันระบุว่าต้องติดตามอาการอย่างใกล้ชิด อีกอย่างน้อย 24-48 ชั่วโมง.