สหรัฐฯ ประณามการกระทำของรัฐบาลไทยอย่างรุนแรง กรณีส่งตัวชาวอุยกูร์อย่างน้อย 40 คนกลับจีน โดยไม่สนคำเตือนจากองค์กรสิทธิมนุษยชนว่า พวกเขาอาจถูกทรมานหรือถูกละเมิดสิทธิร้ายแรง

วันที่ 27 ก.พ.2568 นายมาร์โก รูบิโอ รัฐมนตรีต่างประเทศสหรัฐฯ ออกแถลงการณ์ที่ระบุว่า สหรัฐฯขอแสดงความกังวลอย่างรุนแรงต่อการที่รัฐบาลไทยส่งตัวชาวอุยกูร์จำนวนอย่างน้อย 40 คนกลับไปยังประเทศจีน เนื่องจากการส่งตัวในครั้งนี้อาจทำให้ชาวอุยกูร์เหล่านี้เผชิญกับความเสี่ยงต่อการถูกละเมิดสิทธิมนุษยชน เผชิญกับการข่มเหง บังคับใช้แรงงาน และทรมาน

พร้อมกันนี้ได้ประณามการกระทำของไทย และเรียกร้องให้รัฐบาลไทยปฏิบัติตามพันธกรณีระหว่างประเทศด้านสิทธิมนุษยชน รวมถึงหลักการไม่ส่งกลับ ซึ่งห้ามส่งบุคคลกลับไปยังประเทศที่อาจเป็นอันตรายต่อพวกเขา

แถลงการณ์ระบุว่า ในฐานะพันธมิตรที่ยาวนานของไทย สหรัฐฯรู้สึกวิตกกังวลกับการกระทำนี้ ซึ่งเสี่ยงที่จะขัดต่อพันธกรณีระหว่างประเทศภายใต้อนุสัญญาต่อต้านการทรมานของสหประชาชาติและอนุสัญญาว่าด้วยการคุ้มครองบุคคลทุกคนจากการหายสาบสูญโดยถูกบังคับ การกระทำนี้ขัดต่อประเพณีอันยาวนานของคนไทยในการปกป้องผู้ที่เปราะบางที่สุด และขัดต่อพันธกรณีของไทยในการปกป้องสิทธิมนุษยชน พร้อมกันนี้ได้เรียกร้องให้รัฐบาลทุกประเทศที่ชาวอุยกูร์แสวงหาความคุ้มครอง ไม่ให้บังคับส่งชาวอุยกูร์ที่เป็นกลุ่มชนชาติพันธุ์กลับประเทศจีน

นอกจากนี้ยังระบุว่า ประเทศจีนภายใต้การชี้นำและการควบคุมของพรรคคอมมิวนิสต์จีนได้ก่ออาชญากรรมฆ่าล้างเผ่าพันธุ์และอาชญากรรมต่อมนุษยชาติที่มุ่งเป้าไปที่ชาวอุยกูร์ที่นับถือศาสนาอิสลามเป็นหลักและสมาชิกกลุ่มชาติพันธุ์และศาสนาอื่นๆ ในซินเจียง สหรัฐฯเรียกร้องให้ทางการจีนเปิดเผยข้อมูลยืนยันความเป็นอยู่ของชาวอุยกูร์ที่ถูกส่งกลับประเทศ ขณะที่เรียกร้องรัฐบาลไทยยืนกรานและตรวจสอบอย่างเต็มที่อย่างต่อเนื่องว่าทางการจีนปกป้องสิทธิมนุษยชนของชาวอุยกูร์

...

ขณะที่บรรดาองค์กรด้านสิทธิมนุษยชนได้วิพากษ์วิจารณ์การกระทำของไทย โดยชี้ว่าชาวอุยกูร์ ซึ่งเป็นชนกลุ่มน้อยมุสลิมในจีน ต้องเผชิญกับการปราบปรามและการละเมิดสิทธิมนุษยชนในซินเจียง ก่อนหน้านี้ ชาวอุยกูร์กลุ่มนี้ถูกควบคุมตัวอยู่ที่ศูนย์กักขังโดยไม่มีความผิดใดๆ นอกจากเข้าประเทศไทยโดยไม่มีวีซ่า เป็นการถูกกักขังแบบไม่ถูกสุขอนามัยและแออัด ซึ่งก่อนหน้านี้มีชาวอุยกูร์ 5 คนเสียชีวิตระหว่างถูกควบคุมตัว

โดยองค์กรสิทธิมนุษยชนและผู้เชี่ยวชาญจากสหประชาชาติ ระบุว่าได้เตือนรัฐบาลไทยมานานกว่าทศวรรษว่า ชาวอุยกูร์ที่หลบหนีออกจากจีนอาจเสี่ยงถูกกดขี่อย่างรุนแรงหากถูกส่งกลับ แต่ไทยยังคงดำเนินการโดยไม่คำนึงถึงคำเตือนนี้

ด้านแอมเนสตี้ อินเตอร์เนชั่นแนล กล่าวถึงการเนรเทศครั้งนี้ว่าเป็นความโหดร้ายอย่างที่ไม่อาจจินตนาการได้ โดยชี้ว่า ชาวอุยกูร์ถูกควบคุมตัวในค่ายกักกันโดยไม่มีการพิจารณาคดี และต้องเผชิญกับการใช้แรงงานบังคับ ซึ่งเข้าข่ายเป็นการละเมิดสิทธิขั้นพื้นฐาน

นายเอเลน เพียร์สัน ผู้อำนวยการภาคเอเชียของฮิวแมนไรท์วอทช์ กล่าวว่า การส่งตัวผู้ต้องขังชาวอุยกูร์ของไทยไปยังจีน ถือเป็นการละเมิดพันธกรณีของไทยภายใต้กฎหมายในประเทศและกฎหมายระหว่างประเทศอย่างโจ่งแจ้ง เนื่องจากชาวอุยกูร์มีความเสี่ยงสูงที่จะถูกทรมาน สูญหาย และจำคุกระยะยาว

เช่นเกียวกันนายฟิล โรเบิร์ตสัน ผู้อำนวยการกลุ่มสนับสนุนสิทธิมนุษยชนและแรงงานแห่งเอเชียกล่าวว่า การเนรเทศชาวอุยกูร์กลับไปจีน เป็นการทำลายล้างและการแสดงตลก ที่รัฐบาลไทยในปัจจุบันกระทำ แตกต่างไปจากรัฐบาลก่อนๆ อย่างสิ้นเชิงในเรื่องของการปราบปรามข้ามชาติและการให้ความร่วมมือกับเพื่อนบ้านที่ใช้อำนาจเผด็จการ

อย่างไรก็ตาม รัฐบาลจีนยืนยันว่ามาตรการปราบปรามในซินเจียงเป็นเพียงการต่อต้านการก่อการร้ายและให้การฝึกอบรมอาชีพแก่ชาวอุยกูร์ พร้อมปฏิเสธข้อกล่าวหาการใช้แรงงานบังคับต่อชาวอุยกูร์ โดยให้เหตุผลว่าจีนได้จัดตั้ง ศูนย์ฝึกอบรมอาชีวศึกษา ขึ้นในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมาเพื่อปราบปรามการก่อการร้าย การแบ่งแยกดินแดน และแนวคิดสุดโต่งทางศาสนา.