ญี่ปุ่นมีเด็กเกิดน้อยลงเป็นปีที่ 9 ติดต่อกันแล้วในปี 2567 ส่วนหนึ่งเป็นเพราะการแต่งงานที่ลดลง ท่ามกลางวิกฤติจำนวนประชากรถดถอย

เมื่อวันพฤหัสบดีที่ 27 ก.พ. 2568 กระทรวงสาธารณสุขของประเทศญี่ปุ่นเปิดเผยว่า จำนวนการเกิดของทารกในประเทศลดลงเป็นปีที่ 9 ติดต่อกันในปี 2567 โดยมีเด็กเกิดเพียง 720,988 คน ต่ำที่สุดในประวัติศาสตร์ ตอกย้ำปัญหาผู้สูงอายุและการลดลงอย่างรวดเร็วของจำนวนประชากร

จำนวนการเกิดดังกล่าวลดลงจากปี 2566 ราว 5% แม้ว่าอดีตนายกรัฐมนตรี ฟุมิโอะ คิชิดะ จะมีมาตรการหลายอย่างเพื่อส่งเสริมการมีลูก ในขณะที่สถิติการเสียชีวิตในปี 2567 อยู่ที่ 1.62 ล้านศพ นั่นหมายความว่ามีผู้เสียชีวิตมากกว่า 2 ศพต่อการเกิดของทารก 1 คน

ถึงแม้ว่าอัตราเจริญพันธุ์ หรือจำนวนบุตรที่ผู้หญิงคนหนึ่งคาดว่าจะมีในช่วงชีวิต ในประเทศเพื่อนบ้านของญี่ปุ่นอย่างเกาหลีใต้จะเพิ่มขึ้นเป็นครั้งแรกในรอบ 9 ปีในปี 2567 จาก 0.72 คนต่อผู้หญิงหนึ่งคน เป็น 0.75 เพราะมาตรการสนับสนุนการแต่งงานและมีลูก แต่แนวโน้มของญี่ปุ่นยังคงเป็นขาลง

ปัจจัยเบื้องหลังที่ทำให้มีเด็กเกิดน้อยลงคือ การแต่งงานที่ลดลงในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา ส่วนหนึ่งเป็นเพราะการระบาดของไวรัสโควิด-19 ถึงแม้ว่าในปี 2567 จำนวนคู่แต่งงานจะเพิ่มขึ้น 2.2% เป็น 499,999 คู่ แต่นั่นนับเป็นจำนวนเล็กน้อยเมื่อเทียบกับการลดลงจำนวนมากในช่วงหลายปีที่ผ่านมา เช่นในปี 2563 มีคู่แต่งงานลดลงถึง 12.7%

ทั้งนี้ ประเทศญี่ปุ่นต่างจากหลายประเทศในโลกตะวันตก ในเด็กทารก 100 คนมีเพียง 2-3 คนเท่านั้นที่เกิดนอกการสมรส ดังนั้นอัตราการเกิดกับการแต่งงานในแดนอาทิตย์อุทัยจึงมีความสัมพันธ์กันอย่างมาก

ด้านนายทาคุมิ ฟุจินามิ นักเศรษฐศาสตร์จากสถาบันวิจัยญี่ปุ่น ระบุว่า ผลกระทบอาจลามมาถึงปี 2568 เช่นกัน และญี่ปุ่นจำเป็นต้องเพิ่มโอกาสในการจ้างงาน และลดช่องว่างระหว่างเพศ เพื่อกระตุ้นให้คนหนุ่มสาวแต่งงานและมีลูกมากขึ้น

...

ติดตามข่าวต่างประเทศ : https://www.thairath.co.th/news/foreign

ที่มา : cna