สตาร์บัคส์เตรียมเลิกจ้างพนักงาน 1,100 คน และลดความซับซ้อนของเมนูเครื่องดื่มในสหรัฐฯ เพื่อพยายามปรับปรุงธุรกิจที่กำลังซบเซาในตลาดบ้านเกิด
สตาร์บัคส์เตรียมเลิกจ้างพนักงาน 1,100 คน และลดความซับซ้อนของเมนูเครื่องดื่มในสหรัฐฯ เพื่อพยายามปรับปรุงธุรกิจที่กำลังซบเซาในตลาดบ้านเกิด โดยเมนูแรกที่จะถูกเลิกจำหน่าย ได้แก่ รอยัล อิงลิช เบรกฟาสต์ ลาเต้, ไวท์ ฮ็อต ช็อคโกแลต และกาแฟปั่นแฟรปปูชิโน่หลายชนิด
สตาร์บัคส์กล่าวว่าจะลดรายการเครื่องดื่มลงอีก เนื่องจากมีเป้าหมายที่จะลดเมนูลงเกือบ 1 ใน 3 ภายในปีหน้า โดยหวังว่าจะลดเวลาการรอของลูกค้า และปรับปรุงคุณภาพและความสม่ำเสมอ
ตั้งแต่ปีที่แล้ว บริษัทต้องประสบปัญหายอดขายที่ลดลงอย่างต่อเนื่อง ซึ่งเห็นได้ชัดโดยเฉพาะในสหรัฐฯ นายไบรอัน นิคโคล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ซึ่งเคยดำรงตำแหน่งซีอีโอเครือร้านอาหารเม็กซิกันอย่าง Chipotle ได้เข้ามาทำงานที่สตาร์บัคส์เมื่อปีที่แล้วเพื่อช่วยพลิกฟื้นธุรกิจ เขากล่าวว่าเขาต้องการให้บริษัทกลับไปสู่รากฐานเดิมในฐานะร้านกาแฟ
สตาร์บัคส์กล่าวว่า เครื่องดื่มที่สั่งตัดออกจากเมนูนั้น "ไม่ค่อยมีขายทั่วไป อาจทำยาก หรือเหมือนกับเครื่องดื่มอื่นๆ ในเมนูของเรา" การเปลี่ยนแปลงดังกล่าวจะมีผลบังคับใช้ในวันที่ 4 มีนาคมนี้
บริษัทกล่าวเมื่อวันจันทร์ (24 ก.พ.) ว่า "เรากำลังปรับเมนูของเราให้เรียบง่ายขึ้น เพื่อเน้นที่รายการเครื่องดื่มที่ได้รับความนิยม และดำเนินการอย่างยอดเยี่ยม" "สิ่งนี้จะทำให้เกิดนวัตกรรม ช่วยลดเวลาการรอคอย ปรับปรุงคุณภาพและความสม่ำเสมอ และสอดคล้องกับเอกลักษณ์หลักของเราในฐานะบริษัทกาแฟ"
บริษัทระบุว่า การเลิกจ้างพนักงานที่ประกาศเมื่อวันจันทร์ มุ่งเน้นไปที่บทบาทของ "พันธมิตรสนับสนุน" ขององค์กร และจะไม่ส่งผลกระทบต่องานหรือการลงทุนในร้าน บริษัทกล่าวว่าจะแจ้งให้พนักงานที่ได้รับผลกระทบจากการตัดสินใจดังกล่าวทราบภายในเที่ยงวันของวันอังคาร (25 ก.พ.) นอกจากนี้ บริษัทยังจะยกเลิกตำแหน่งงานว่างหลายร้อยตำแหน่งด้วย
...
นิคโคลระบุในประกาศดังกล่าวว่า "เราตั้งใจที่จะดำเนินงานอย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น เพิ่มความรับผิดชอบ ลดความซับซ้อน และขับเคลื่อนการบูรณาการที่ดีขึ้น"
ทั้งนี้ สตาร์บัคส์มีพนักงานมากกว่า 360,000 คน และดำเนินการหรืออนุญาตประกอบธุรกิจร้านแฟรนไชส์มากกว่า 40,000 แห่งทั่วโลก โดยสหรัฐอเมริกาเป็นตลาดที่ใหญ่ที่สุดและสำคัญที่สุด แต่ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา แบรนด์ของสตาร์บัคส์ประสบปัญหา เนื่องจากลูกค้าบ่นว่าต้องรอนานและราคาสูง และบริษัทต้องต่อสู้กับกลุ่มบาริสต้าที่พยายามจัดตั้งสหภาพแรงงาน
บริษัทยังเข้าไปพัวพันกับการถกเถียงเกี่ยวกับสงครามอิสราเอล-กาซา โดยเผชิญกับการเรียกร้องคว่ำบาตรจากทั้งฝ่ายสนับสนุนอิสราเอลและปาเลสไตน์ แม้ว่าบริษัทจะพยายามวางตัวเป็นกลางก็ตาม
เมื่อเดือนที่แล้ว บริษัทเปิดเผยว่าธุรกรรมที่ร้านค้าในสหรัฐฯ ที่เปิดดำเนินการอย่างน้อย 1 ปีนั้นลดลง 8% ในไตรมาสล่าสุด เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อน ขณะที่การพยายามทำให้เมนูมีความเรียบง่ายขึ้น ถือเป็นการเปลี่ยนแปลงจากกลยุทธ์ก่อนหน้านี้ที่เน้นที่เครื่องดื่มที่สามารถปรับเปลี่ยนได้.
ที่มา BBC
อ่านข่าวเพิ่มเติม https://www.thairath.co.th/news/foreign