นายกรัฐมนตรีเยอรมนียอมรับความพ่ายแพ้เลือกตั้งแล้ว หลังผลเอ็กซิตโพลชี้ว่า พรรค CDU ฝ่ายอนุรักษ์นิยมคะแนนนำเป็นอันดับ 1 ส่วนพรรคขวาจัด AfD อยู่ที่ 2
เมื่อวันอาทิตย์ที่ 23 ก.พ. 2568 ชาวเยอรมนีออกไปใช้สิทธิ์เลือกตั้งก่อนกำหนด โดยผลเอ็กซิตโพลล่าสุดชี้ว่า นายฟรีดริช แมร์ซ น่าจะได้เป็นนายกรัฐมนตรีคนต่อไปของประเทศ หลังจากพรรค CDU ฝ่ายอนุรักษ์นิยมของเขา มีคะแนนนำเป็นอันดับ 1 ส่วนพรรคฝ่ายขวาจัดอย่าง AfD ตามมาเป็นอันดับ 2
ผลเอ็กซิตโพลชี้ว่า กลุ่มพันธมิตรพรรคการเมือง สหภาพประชาธิปไตยคริสเตียน (CDU) กับสหภาพสังคมคริสเตียน (CSU) มีคะแนนนำเป็นอันดับ 1 ที่ 29% ตามด้วยพรรคทางเลือกเพื่อเยอรมนี (AfD) ที่ 19.5% และอันดับที่ 3 คือพรรคสังคมนิยมประชาธิปไตยแห่งเยอรมนี (SPD) ซึ่งได้ไปเพียง 16%
...
พรรค AfD ทำผลงานได้ดีขึ้นตามความคาดหมาย โดยได้ส่วนแบ่งคะแนนโหวตเพิ่มขึ้นเกือบเท่าตัว จากกระแสการต่อต้านผู้อพยพในยุโรปที่เริ่มเพิ่มมากขึ้น โดยเฉพาะหลังการกลับไปเป็นประธานาธิบดีของโดนัลด์ ทรัมป์ ผู้นำสหรัฐฯ อย่างไรก็ตาม AfD น่าจะยังไม่สามารถก้าวขึ้นมามีอำนาจได้ เนื่องจากพรรคอื่นๆ ปฏิเสธที่จะร่วมมือด้วย
ส่วนพรรค SPD ได้คะแนนโหวตน้อยลงจากการเลือกตั้งครั้งก่อนเกือบ 9% นับเป็นผลงานที่แย่ที่สุดในรอบหลายสิบปี โดยนายโอลาฟ ชอลซ์ นายกรัฐมนตรีเยอรมนีและหัวหน้าพรรค SPD กล่าวยอมรับความพ่ายแพ้ต่อหน้าผู้สนับสนุนที่หน้าสำนักงานใหญ่ของพรรค
“นี่เป็นผลการเลือกตั้งที่ขมขื่น นี่คือความพ่ายแพ้ นี่คือผลลัพธ์ที่เราจะต้องทิ้งมันไว้ข้างหลัง” นายชอลซ์บอกด้วยว่า เขาจะรับผิดชอบต่อผลลัพธ์ที่ออกมา พร้อมกับแสดงความยินดีกับคู่แข่งอย่างนายฟรีดริช แมร์ซ และกล่าวว่า การที่พรรคขวาจัด AfD ได้ผลลัพธ์เช่นนี้ เป็นสิ่งที่เขาจะไม่มีวันทำใจได้
ด้านนายแมร์ซกล่าวหลังรู้ผลเอ็กซิตโพลว่า นี่เป็นค่ำวันเลือกตั้งครั้งสำคัญในประวัติศาสตร์ และสัญญาเขาจะเริ่มการเจรจาเพื่อจัดตั้งรัฐบาลผสมโดยเร็วที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ “เราต่อสู้ในการหาเสียงเลือกตั้งอย่างยากลำบากในเรื่องประเด็นสำคัญต่างๆ ... ตอนนี้เราจะพูดคุยกัน เราต้องลงมือทำได้อย่างรวดเร็ว”
ติดตามข่าวต่างประเทศ : https://www.thairath.co.th/news/foreign
ที่มา : cnn