รัฐบาลเวียดนามเตรียมปรับเป้าหมายการเติบโตของผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ หรือ จีดีพี สำหรับปีนี้ เป็นอย่างน้อย 8.0% จาก 6.5 - 7.0%

สภานิติบัญญัติแห่งชาติของเวียดนามลงมติเพื่ออนุมัติเป้าหมายการเติบโตทางเศรษฐกิจใหม่สำหรับปีนี้ และรับรองมติที่สนับสนุนโครงการโครงสร้างพื้นฐานที่สำคัญ รวมถึงโรงไฟฟ้านิวเคลียร์และทางรถไฟเชื่อมกับจีน รัฐบาลได้ขอความเห็นชอบจากสมาชิกรัฐสภาเพื่อแก้ไขเป้าหมายการเติบโตของผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศสำหรับปีนี้เป็นอย่างน้อย 8.0% จาก 6.5 - 7.0%

รองนายกรัฐมนตรีโฮ ดึ๊ก ฟ็อก ประกาศเพิ่มการลงทุนสาธารณะอย่างมีนัยสำคัญในปี 2025 โดยจัดสรรงบประมาณเกือบ 900 ล้านล้านดอง (ราว 1.19 ล้านล้านบาท) สำหรับโครงการโครงสร้างพื้นฐานและการพัฒนา ซึ่งทำหน้าที่เป็นแรงผลักดันหลักสำหรับการเติบโตทางเศรษฐกิจและเป็นตัวเร่งในการดึงดูดการลงทุนจากภาคเอกชนและต่างประเทศ

เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว สมัชชาแห่งชาติได้หารือเกี่ยวกับแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมปี 2025 ซึ่งกำหนดเป้าหมายอัตราการเติบโตของจีดีพีขั้นต่ำที่ 8% สมาชิกรัฐสภาได้พิจารณาแนวทางต่างๆ เพื่อบรรลุเป้าหมายครั้งนี้ 

รัฐบาลยังเปิดเผยถึงโครงการโครงสร้างพื้นฐานขนาดใหญ่ที่จะกระตุ้นจีดีพี โดยลำดับความสำคัญสูงสุดของรัฐบาลคือการสร้างทางด่วนสายใหม่ 1,000 กิโลเมตรให้เสร็จภายในปี 2025 ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของแผนระยะยาวในการสร้างทางด่วน 5,000 กิโลเมตรภายในปี 2030

ส่วนโครงการสำคัญอื่นๆ ได้แก่ ทางรถไฟความเร็วสูงเหนือ-ใต้ มูลค่าประมาณ 67,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ทางรถไฟเชื่อมนครโฮจิมินห์และเมืองเกิ่นเทอ เพื่อปรับปรุงการเชื่อมต่อกับท่าเรือหลัก

นอกจากนั้น รัฐสภาจะลงมติเพื่อผ่านมติที่สนับสนุนการก่อสร้างทางรถไฟสายใหม่ที่เชื่อมท่าเรือสำคัญในภาคเหนือของเวียดนามกับจีน ซึ่งมีมูลค่า 8,300 ล้านดอลลาร์สหรัฐ โดยส่วนหนึ่งจะได้รับเงินกู้จากรัฐบาลจีน

...

การพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานเหล่านี้คาดว่าจะกระตุ้นการค้า ลดต้นทุนด้านโลจิสติกส์ และปรับปรุงความสามารถในการแข่งขันทางเศรษฐกิจ

เวียดนามซึ่งเป็นศูนย์กลางการผลิตในภูมิภาคที่ต้องพึ่งพาการส่งออกอย่างมากเพื่อขับเคลื่อนเศรษฐกิจ กำลังพยายามเพิ่มการลงทุนในโครงสร้างพื้นฐานซึ่งเป็นหนึ่งในมาตรการสำคัญในการกระตุ้นการเติบโต โดยสมาชิกรัฐสภาจะลงมติในวันนี้ เพื่อผ่านนโยบายการพัฒนาโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ ซึ่งโรงไฟฟ้านิวเคลียร์แห่งแรกมีกำหนดจะก่อสร้างภายในสิ้นปี 2031

นอกจากนี้ รัฐสภายังจะลงคะแนนเสียงเพื่อนำกฎเกณฑ์ที่อนุญาตให้ดาวเทียมสตาร์ลิงค์ ของนายอีลอน มัสก์ ให้บริการอินเทอร์เน็ตผ่านดาวเทียมในประเทศได้ โดยรัฐบาลยังคงเป็นเจ้าของบริษัทลูกในท้องถิ่นอย่างเต็มรูปแบบ

ส่วนเมื่อวันอังคาร (18 ก.พ.) สภานิติบัญญัติได้อนุมัติแผนปฏิรูประบบราชการ ซึ่งจะลดจำนวนหน่วยงานของรัฐลงถึง 1 ใน 5 เนื่องจากแผนดังกล่าวพยายามที่จะลดต้นทุนและปรับปรุงประสิทธิภาพในการบริหาร.

ที่มา Reuters  VietNamNet