เบนจามิน เนทันยาฮู ผู้นำอิสราเอลกล่าวว่า ประเทศของเขายินดีจะทำตามแผนของโดนัลด์ ทรัมป์ ที่จะย้ายชาวปาเลสไตน์ออกจากกาซา เพื่อเปิดทางซ่อมแซมและพัฒนา
สำนักข่าวต่างประเทศรายงานว่า นายเบนจามิน เนทันยาฮู นายกรัฐมนตรีของอิสราเอล กล่าวชื่นชมแผนการของโดนัลด์ ทรัมป์ ที่ต้องการให้สหรัฐฯ เข้าครอบครองและพัฒนาฉนวนกาซา ในขณะที่ย้ายชาวปาเลสไตน์กว่า 2 ล้านคนไปอยู่ที่อื่น พร้อมระบุว่า อิสราเอลยินดีจะทำให้ตามแผนการนี้ให้สำเร็จ
คำพูดดังกล่าวของนายเนทันยาฮูอยู่ในบทสัมภาษณ์ที่เขาให้กับสำนักข่าว ฟ็อกซ์ นิวส์ และได้รับการเผยแพร่เมื่อคืนวันเสาร์ที่ 8 ก.พ. 2568 ที่ผ่านมา ซึ่งเป็นวันสุดท้ายในการเยือนกรุงวอชิงตัน ดี.ซี. ของผู้นำอิสราเอล
ในบทสัมภาษณ์ นายเนทันยาฮูกล่าวปกป้องข้อเสนอของนายทรัมป์ ซึ่งทำให้เกิดกระแสความกังวลและเรียกเสียงประณามจากทั่วตะวันออกกลาง “ผมคิดว่าข้อเสนอของประธานาธิบดีทรัมป์เป็นความคิดใหม่ๆ ครั้งแรกในรอบหลายปี และมันมีศักยภาพที่จะเปลี่ยนแปลงทุกสิ่งทุกอย่างในกาซา”
นายเนทันยาฮูบอกอีกว่า แผนการนี้คือวิธีการที่ถูกต้องเพื่อไปสู่อนาคตของดินแดนปาเลสไตน์ “นายทรัมป์แค่กำลังบอกว่า ‘ผมต้องการเปิดประตูและมอบทางเลือกแก่พวกเขาในการย้ายถิ่นฐานชั่วคราว ในขณะที่เราสร้างสถานที่นั่นขึ้นมาใหม่ในทางกายภาพ’ ทรัมป์ไม่เคยพูดว่าเขาต้องการให้กองทัพอเมริกันเข้าไปจัดการ และรู้อะไรมั้ย? เราจะจัดการให้เอง”
ทั้งนี้ อิสราเอลยึดครองฉนวนกาซาในปี 2510 และประจำการทหารเอาไว้จนถึงปี 2548 ที่พวกเขาตัดสินใจถอนทหารและย้ายชาวอิสราเอลที่เข้าไปลงหลักปักฐานออกมา
หลังจากนั้นอิสราเอลกับกลุ่มติดอาวุธในฉนวนกาซาก็ต่อสู้ทำสงครามกันหลายครั้ง แต่ครั้งล่าสุดซึ่งจุดประกายจากการโจมตีของกลุ่มฮามาสเมื่อ 7 ต.ค. 2566 นับเป็นครั้งที่ทำให้มีผู้เสียชีวิตและสร้างความเสียหายมากที่สุด นอกจากนั้น อิสราเอลยังคงปิดล้อมฉนวนกาซามาจนถึงตอนนี้ด้วย
...
นายเนทันยาฮูระบุว่า แผนการของนายทรัมป์ต่างจากแผนการเดิมๆ ที่ “เราออกไป แล้วกาซาก็ถูกยึดครองโดยกลุ่มก่อการร้ายที่ใช้กาซาเป็นฐานเพื่อโจมตีอิสราเอล ... ไม่มีความเปลี่ยนแปลงเลย”
“ผมคิดว่าเราควรทำตามมัน” ผู้นำอิสราเอลกล่าว แต่ระบุอย่างระมัดระวังว่า “ปัญหาที่แท้จริงก็คือ การหาประเทศที่จะยอมตกลงรับผู้อพยพชาวกาซาเข้าไป” นายเนทันยาฮูบอกอีกว่า ชาวปาเลสไตน์ที่ถูกย้ายออกไปจะต้อง “ปฏิเสธลัทธิก่อการร้าย” ก่อน เพื่อให้ได้รับอนุญาตกลับเข้าไปในกาซา
แต่สำหรับชาวปาเลสไตน์ ความพยายามใดๆ ที่จะบีบให้พวกเขาออกจากฉนวนกาซา จะกระตุ้นให้นึกถึงประวัติศาสตร์ดำมืดที่โลกอาหรับเรียกว่า “นัคบา” (Nakba) หรือ หายนะ ซึ่งสื่อถึงการพลัดถิ่นครั้งใหญ่ของชาวปาเลสไตน์ระหว่างการก่อตั้งอิสราเอลในปี 2491
“ทุกคนบรรยายกาซาว่าเป็นคุกกลางแจ้งที่ใหญ่ที่สุดในโลก” นายเนทันยาฮูกล่าว “การให้ประชากรออกไป อนุญาตให้พวกเขาออกไป ไม่ใช่บีบบังคับ ไม่ใช่การกวาดล้างชาติพันธุ์ ให้ผู้คนออกจากสิ่งที่ประเทศต่างๆ และพวกคนดีเหล่านั้นบอกว่า เป็นคุกกลางแจ้ง จะขังพวกเขาไว้ในคุกทำไม?”
ติดตามข่าวต่างประเทศ : https://www.thairath.co.th/news/foreign
ที่มา : cna