ทางการสหรัฐฯ คาด เฮลิคอปเตอร์แบล็กฮอว์ก ของกองทัพสหรัฐฯ ที่ประสบอุบัติเหตุชนกับเครื่องบินของสายการบินอเมริกัน แอร์ไลน์ ใกล้สนามบินโรนัลด์ เรแกน วอชิงตัน เนชันแนล แอร์พอร์ต ในกรุงวอชิงตันดีซี เมื่อวันที่ 29 ม.ค. จนทำให้มีผู้เสียชีวิตรวมกันกว่า 67 ศพ อาจบินสูงเกินไป
ทางการสหรัฐฯ คาด เฮลิคอปเตอร์แบล็กฮอว์ก ของกองทัพสหรัฐฯ ที่ประสบอุบัติเหตุชนกับเครื่องบินของสายการบินอเมริกัน แอร์ไลน์ ใกล้สนามบินโรนัลด์ เรแกน วอชิงตัน เนชันแนล แอร์พอร์ต ในกรุงวอชิงตันดีซี เมื่อวันที่ 29 ม.ค. จนทำให้มีผู้เสียชีวิตรวมกันกว่า 67 ศพ อาจบินสูงเกินไป
เจ้าหน้าที่สอบสวนจากคณะกรรมการความปลอดภัยการขนส่งแห่งชาติสหรัฐฯ ได้สรุปว่าเครื่องบิน CRJ700 อยู่ที่ระดับความสูง 91 เมตร บวกหรือลบที่ 7.62 เมตร ณ เวลาที่เครื่องบินตก เจ้าหน้าที่กล่าวในการแถลงข่าวช่วงค่ำวันเสาร์
ข้อมูลดังกล่าวอ้างอิงจากข้อมูลที่กู้คืนมาจากเครื่องบันทึกข้อมูลการบินของเครื่องบิน ซึ่งก็คือ "กล่องดำ" ที่ติดตามการเคลื่อนที่ ความเร็ว และพารามิเตอร์อื่นๆ ของเครื่องบิน
ข้อมูลเบื้องต้นบ่งชี้ว่า เรดาร์ของหอควบคุมการบิน แสดงให้เห็นว่าเฮลิคอปเตอร์ของกองทัพกำลังบินอยู่ในระดับความสูง 61 เมตร ซึ่งเป็นระดับที่สูงที่สุด สำหรับเส้นทางที่ ฮ.ใช้ ณ เวลาที่เกิดอุบัติเหตุ แม้ว่าเจ้าหน้าที่จะกล่าวว่าข้อมูลดังกล่าวยังไม่ได้รับการยืนยันก็ตาม ขณะที่คณะกรรมการ NTSB กล่าวว่ากำลังเร่งหาคำตอบที่สามารถอธิบายความคลาดเคลื่อนนี้ได้ และระบุว่าโดยปกติแล้ว การฝึกบินของเฮลิคอปเตอร์จะรวมถึงการใช้แว่นตาสำหรับมองเห็นตอนกลางคืน
นายทอดด์ อินแมน คณะกรรมการความปลอดภัยการขนส่งแห่งชาติ กล่าวว่า "ในเวลานี้เรายังไม่ทราบว่ามีการสวมแว่นมองกลางคืนหรือไม่ หรือการตั้งค่าอาจเป็นอย่างไร การสืบสวนเพิ่มเติมน่าจะสามารถแจ้งให้เราทราบได้ว่าสิ่งนั้นเกิดขึ้นหรือไม่ และปัจจัยใดที่อาจส่งผลต่ออุบัติเหตุโดยรวม"
...
ข้อมูลยืนยันว่าเจ้าหน้าที่ควบคุมการจราจรทางอากาศได้แจ้งเตือนเฮลิคอปเตอร์ถึงการมีอยู่ของเครื่องบิน CRJ700 ประมาณสองนาทีก่อนเกิดเหตุ
หนึ่งวินาทีก่อนที่จะเกิดการชน ลูกเรือบนเครื่องบินของสหรัฐฯ มี "ปฏิกิริยาทางวาจา" ตามข้อมูลจากเครื่องบันทึกเสียงในห้องนักบินของเครื่องบิน และข้อมูลการบินแสดงให้เห็นว่าจมูกของเครื่องบินเริ่มยกขึ้น เจ้าหน้าที่กล่าวว่ามีการส่งสัญญาณวิทยุอัตโนมัติแจ้งเตือนจากเครื่องบันทึกเสียง จากนั้นก็ได้ยินเสียงของการชนก่อนที่การบันทึกจะสิ้นสุดลง
ด้านกองทัพบกสหรัฐฯ ได้ระบุชื่อทหารอีก 3 นาย ที่เสียชีวิตจากเหตุการณ์เครื่องบินตกว่า คือ นาวาอากาศเอกรีเบกกา โลบัค เธอเป็นเจ้าหน้าที่การบินในกองทัพบกตั้งแต่ปี 2019 และได้รับมอบหมายให้ประจำการในกองพันการบินที่ 12 ฟอร์ตเบลวัวร์ รัฐเวอร์จิเนีย จ่าสิบเอกไรอัน ออสติน โอฮารา อายุ 28 ปี และนายทหารยศจ่าโทแอนดรูว์ ลอยด์ อีฟส์ อายุ 39 ปี ส่วนรายชื่อของผู้โดยสาร 60 คนและลูกเรือ 4 คนที่เสียชีวิตบนเครื่องบินลำนี้ยังไม่ได้เปิดเผยอย่างเป็นทางการ แม้ว่าจะมีการระบุชื่อหลายคนผ่านครอบครัวและโซเชียลมีเดียแล้วก็ตาม
เจ้าหน้าที่กำลังเตรียมเคลื่อนย้ายซากเครื่องบินออกจากแม่น้ำโปโตแมคตั้งแต่วันอาทิตย์เป็นต้นไป โดยสำนักงานดับเพลิงกรุงวอชิงตัน ดี.ซี. เปิดเผยเมื่อวันเสาร์ว่า จนถึงขณะนี้สามารถกู้ร่างผู้เสียชีวิตได้ 42 รายแล้ว.
ที่มา Reuters
อ่านข่าวเพิ่มเติม https://www.thairath.co.th/news/foreign