ฮามาสปล่อยตัวประกันชายชาวอิสราเอล 3 คนแล้วในวันเสาร์ แลกกับนักโทษชาวปาเลสไตน์ 183 คน ตามข้อตกลงหยุดยิง
สำนักข่าวต่างประเทศรายงานว่า นายยาร์เดน บีบาส อายุ 34 ปี, นายโอเฟอร์ คาลเดอรอน อายุ 53 ปี และนายคีธ ซีเกล อายุ 65 ปี ชายชาวอิสราเอล 3 คนที่ถูกกลุ่มฮามาสจับเป็นตัวประกัน ได้รับการปล่อยตัวเป็นอิสระแล้ว ในวันเสาร์ที่ 1 ก.พ. 2568 ตามข้อตกลงหยุดยิงที่กลุ่มฮามาสทำไว้กับอิสราเอล
ตัวประกันทั้ง 3 คนถูกส่งตัวให้กับเจ้าหน้าที่ของสภากาชาดสากล ซึ่งพาพวกเขาเดินทางกลับอิสราเอล ในขณะที่รัฐบาลยิวก็ดำเนินการปล่อยตัวนักโทษชาวปาเลสไตน์จำนวน 183 คนเป็นการแลกเปลี่ยน โดยพวกเขาถูกนำตัวขึ้นรถบัสแล้วส่งตัวเข้าสู่ฉนวนกาซาและเขตเวสต์แบงก์แล้ว

ทั้งนี้ บรรยากาศการส่งตัวประกันในวันเสาร์นี้ค่อนข้างเป็นไปอย่างสงบ ต่างจากการส่งมอบตัวประกัน 7 คน รวมถึงคนไทย 5 คนเมื่อวันพฤหัสบดี ซึ่งเต็มไปด้วยความวุ่นวาย ฝูงชนหลายพันคนเบียดเสียดกันมามุงดู จนเกิดความกังวลด้านความปลอดภัย และทำให้อิสราเอลเลื่อนการปล่อยนักโทษออกไปหลายชั่วโมง
...
ในวันเสาร์ นักรบติดอาวุธของกลุ่มฮามาสตั้งแถวกันผู้คนไม่ให้กรูกันเข้ามา ในขณะที่ตัวประกันซึ่งถูกประกบด้วยนักรบติดอาวุธสวมหน้ากากจะถูกนำตัวขึ้นเวทีในเมืองข่านยูนิส จากนั้นเจ้าหน้าที่จากสภากาชาดก็ลงนามยืนยันการปล่อยตัวนายคาลเดอรอน และนายบีบาส ส่วนนายซีเกลผู้ถือสัญชาติอเมริกันและอิสราเอล ถูกปล่อยตัวที่เมืองกาซา ซิตี้

ตัวประกันทั้ง 3 คน ได้กลับไปพบหน้าครอบครัวอีกครั้งแล้ว รวมถึงนายบีบาส ที่ได้พบกับพ่อแม่ แต่ชะตากรรมของชีรีและลูกชาย 2 คนของเขาคือ อาริเอล กับ คฟีร์ ที่ถูกลักพาตัวไปด้วยกันนั้นยังไม่แน่นอน
เนื่องจากฮามาสเคยอ้างว่า พวกเขาถูกสังหารในการโจมตีของอิสราเอลตั้งแต่ช่วงแรกของสงครามแล้ว แต่เมื่อเดือนมกราคม ฮามาสกลับใส่ชื่อของทั้ง 3 คนเอาไว้ในรายชื่อของตัวประกันที่พวกเขาจะส่งตัวคืนด้วย

อีกด้านหนึ่งที่เมืองรามัลเลาะห์ ในเขตเวสต์แบงก์ รถบัสขนนักโทษชาวปาเลสไตน์ที่ได้รับการปล่อยตัวเดินทางมาถึงโดยมีฝูงชนขนาดใหญ่รอต้อนรับ โดยพวกเขาต่างยินดีที่ได้รับการปล่อยตัวอีกครั้งหลังถูกจองจำนานหลายปี
“วันนี้เราได้เกิดใหม่อีกครั้ง เราลาจากสุสานคับแคบไปสู่โลกอันกว้างใหญ่” นายราสรัลเลาะห์ มูอัมมาร์ ผู้ได้รับอิสระอีกครั้งหลังจากถูกขังคุกมานาน 17 ปี กล่าว ขณะที่นายอาลี อัล-บาร์กูตี ผู้เคยต้องโทษจำคุกตลอดชีวิต บอกกับรอยเตอร์สว่า “ผมรู้สึกยินดีแม้จะผ่านการเดินทางอันเจ็บปวดและยากลำบาก”
ติดตามข่าวต่างประเทศ : https://www.thairath.co.th/news/foreign
...
ที่มา : bbc