ผู้พิพากษาศาลสหรับฯ ออกโรงระงับคำสั่งของทำเนียบขาว ที่ให้แช่แข็งเงินช่วยเหลือและเงินกู้จากรัฐบาลกลางทั้งหมด หวั่นเกิดความโกลาหล

สำนักข่าวต่างประเทศรายงานว่า สำนักงานจัดการบริหารและงบประมาณของทำเนียบขาวสหรัฐฯ (OMB) มีคำสั่งระงับการให้เงินช่วยเหลือ, เงินกู้ หรือความช่วยเหลืออื่นๆ จากรัฐบาลกลางทั้งหมด ซึ่งมีมูลค่ารวมมากกว่า 1 ล้านล้านดอลลาร์ เริ่มตั้งแต่เวลา 17.00 น. วันอังคารที่ 28 ม.ค. 2568 ตามเวลาท้องถิ่น

คำสั่งดังกล่าวได้รับการเปิดเผยผ่านจดหมายเหตุของ OMB ที่รั่วไหลออกมา ทำให้เกิดความปั่นป่วนและความสับสนไปทั่วว่า โครงการใดที่จะได้รับผลกระทบ ขณะที่นายชัค ชูเมอร์ ผู้นำ สว.เดโมแครต ออกมาเตือนว่า การทำเช่นนี้จะทำให้เกิดการจ่ายค่าแรงหรือค่าเช่าไม่ตรงเวลา และทำให้เกิดความโกลาหล

อย่างไรก็ตาม ไม่กี่นาทีก่อนที่คำสั่งแช่แข็งเงินช่วยเหลือของรัฐบาลกลางจะเริ่มบังคับใช้ น.ส.ลอเรน อาลิคัน ผู้พิพากษาศาลแขวงสหรัฐฯ ในกรุงวอชิงตัน ดี.ซี. ก็เข้าแทรกแซง โดยมีคำตัดสินว่า รัฐบาลทรัมป์จะไม่สามารถระงับการให้งบประมาณแก่โครงการที่มีอยู่แล้วได้จนถึงเวลา 17.00 น. วันจันทร์ที่ 3 ก.พ.เป็นอย่างน้อย

ทั้งนี้ ยังไม่แน่ชัดว่าโครงการใดจะได้รับผลกระทบจากการระงับเงินช่วยเหลือบ้าง เพราะทุนจากรัฐบาลถูกมอบให้ตั้งแต่ โครงการสแตมป์อาหาร, ประกันสุขภาพ, โครงการการศึกษาปฐมวัย, เงินอุดหนุนทำการเกษตร, เงินช่วยเหลือต่างประเทศ, เงินประกันสังคม, เงินกู้การศึกษา และอื่นๆ อีกหลายร้อยโครงการ

น.ส.แคโรไลน์ ลีวิตต์ เลขาธิการฝ่ายสื่อของทำเนียบขาวบอกกับผู้สื่อข่าวก่อนหน้านี้ว่า เงินช่วยเหลือที่ถูกมอบให้แก่บุคคลโดยตรงจะไม่ถูกรวมในการระงับเงินช่วยเหลือนี้ แต่เธอไม่ระบุอย่างเจาะจงว่า โครงการใดจะได้รับผลกระทบบ้าง หรือ การหยุดให้เงินช่วยเหลือจะกระทบต่อผู้ที่ต้องพึ่งพามันอย่างไร

...

แต่ น.ส.ลีวิตต์ระบุว่า มาตรการนี้ ไม่ใช่การระงับการให้ความช่วยเหลือของรัฐบาลกลางแบบปูพรมอย่างที่เข้าใจกัน แต่จะมุ่งเน้นไปที่โครงการของเดโมแครตเป็นหลัก และทุกหน่วยงานสามารถยื่นเรื่องมายังรัฐบาลเพื่อขอให้เงินสนับสนุนของพวกเขาดำเนินต่อไปได้

“หากพวกเขารู้สึกว่า เป็นโครงการที่จำเป็นและสอดคล้องกับนโยบายของประธานาธิบดี สำนักงานจัดการบริหารและงบประมาณ จะทบทวนนโยบายเหล่านั้น” น.ส.ลีวิตต์กล่าว

ขณะที่ตารางการทำงานที่สำนักข่าว ซีเอ็นเอ็น ได้รับมาระบุว่า มีโครงการและหน่วยงานมากกว่า 2,000 รายการที่ต้องส่งข้อมูลให้แก่ OMB ว่ามีโครงการใดที่ได้รับงบประมาณที่เกี่ยวกับ ผู้อพยพผิดกฎหมาย, โลกร้อน, ความหลากหลาย (DEI) หรือการทำแท้งหรือไม่ ภายในเวลา 2 สัปดาห์

เอกสารแสดงให้เห็นด้วยว่า โครงการของรัฐบาลหลายร้อยโครงการกำลังอยู่ระหว่างการทบทวน รวมถึงโครงการจัดหาสถานที่เก็บธัญพืชสำหรับชาวไร่, โครงการการศึกษาก่อนวัยเรียน หรือ Head Start, เงินช่วยเหลือศูนย์มะเร็ง หรือกระทั่งโครงการจัดหาโลงศพสำหรับทหารผ่านศึกผู้วายชนม์โดยไม่มีญาติใกล้ชิด