หุ้นของบริษัทเทคโนโลยียักษ์ใหญ่ของสหรัฐฯ พากันร่วงกราวในวันจันทร์ หลัง DeepSeek แชทบอทเอไอสัญชาติจีน พุ่งทะยานกลายเป็นแอปที่มียอดดาวน์โหลดสูงสุด แซงหน้าทุกคู่แข่ง

สำนักข่าวต่างประเทศรายงานว่า DeepSeek แชทบอทเอไอสัญชาติจีน ซึ่งเพิ่งเปิดตัวเมื่อสัปดาห์ก่อน กลายเป็นแอปพลิเคชันฟรีที่มียอดดาวน์โหลดมากที่สุดในสหรัฐฯ แล้ว แซงหน้าเจ้าตลาดอย่าง ChatGPT ของบริษัท OpenAI

สถานการณ์ที่เกิดขึ้นทำให้หุ้นของบริษัทเทคโนโลยีและบริษัทด้านเอไอของสหรัฐฯ ร่วงกราวในวันจันทร์ที่ 27 ม.ค. 2568 ก่อนที่ตลาดหุ้นสหรัฐฯ จะเปิด นำโดย Nvidia ที่ลบ 12%, Broadcom ร่วง 13%, AMD ลดลง 6%, Microsoft ปรับลด 7% ส่วน Amazon และ Meta ก็ลดลงกว่า 4%

DeepSeek ได้รับขุมพลังจากเอไอโอเพนซอร์ซโมเดล DeepSeek-V3 ซึ่งผู้พัฒนาอ้างว่า ใช้งบประมาณในการพัฒนาไม่ถึง 6 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ในขณะที่คู่แข่งรายอื่นๆ ต้องใช้งบฯ พัฒนาหลายพันล้านดอลลาร์ ทำให้เกิดการตั้งคำถามเกี่ยวกับอนาตความเป็นเจ้าตลาดเอไอของอเมริกา และขนาดของการลงทุนที่บริษัทสหรัฐฯ วางแผนเอาไว้

ผู้สันทัดกรณีด้านปัญญาประดิษฐ์หลายคนยังไม่ปักใจเชื่อในคำกล่าวอ้างเรื่องงบประมาณดังกล่าว

อย่างไรก็ตาม สำนักข่าว บีบีซี รายงานว่า DeepSeek ปรากฏตัวขึ้นมาในขณะที่สหรัฐฯ จำกัดการขายชิปคอมพิวเตอร์ที่ใช้เทคโนโลยีระดับสูงซึ่งสามารถมอบพลังประมวลผลให้ปัญญาประดิษฐ์ได้แก่ประเทศจีน

แต่มาตรการดังกล่าวของสหรัฐฯ ทำให้ผู้พัฒนาเอไอในจีนหันมาจับมือและแบ่งปันงานของตัวเองให้แก่กันและกัน และร่วมการทดลองเพื่อหาแนวทางใหม่ในการพัฒนาเทคโนโลยี โดยไม่ต้องพึ่งพาการนำเข้าชิปขั้นสูงจากสหรัฐฯ

ผลจากความพยายามนี้ทำให้เกิดเป็นเอไอหลากหลายโมเดล ที่ใช้พลังงานในการคำนวณน้อยกว่าที่เคยมีมา หมายความว่า พวกเขาจะใช้งบประมาณในการพัฒนาน้อยกว่าที่เคยคิดเอาไว้มาก และอาจพลิกโฉมอุตสาหกรรมปัญญาประดิษฐ์

...

หลังจากเอไอโมเดล DeepSeek-R1 เปิดตัวเมื่อช่วงต้นเดือนมกราคม บริษัท DeepSeek ก็อวดอ้างว่า การทำงานของแอปพลิเคชันของพวกเขาเทียบได้กับ ChatGPT รุ่นล่าสุด เมื่อใช้ในการคำนวณทางคณิตศาสตร์, เขียนโค้ด และการประมวลผลภาษาธรรมชาติ (NLP)

ด้านนาย มาร์ก อันดรีสเซน ที่ปรึกษาของโดนัลด์ ทรัมป์ และนักลงทุนแห่งซิลิคอน แวลลีย์ ระบุว่าการปรากฏของ DeepSeek-R1 ก็เหมือนเหตุการณ์ “สปุตนิก” เวอร์ชั่นเอไอ โดยเขาสื่อถึงตอนที่จู่ๆ สหภาพโซเวียตก็เปิดตัวดาวเทียมสปุตนิก ในปี 2500 ซึ่งเป็นการแสดงความสำเร็จทางเทคโนโลยีโดยที่สหรัฐฯ ไม่ทันได้ตั้งตัว

ความนิยมของ DeepSeek ที่เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วนั้นสร้างความตกตะลึงแก่ตลาด ซึ่งไม่เพียงแต่บริษัทไอทีของสหรัฐฯ เท่านั้น แต่ผู้ผลิตชิปของเนเธอร์แลนด์อย่าง ASML ก็หุ้นร่วงมากกว่า 10% ขณะที่บริษัท Siemens Energy ผู้ผลิตซอฟต์แวร์เอไอ หุ้นดิ่งถึง 21%

น.ส.ฟิโอนา ซินคอตตา นักวิเคราะห์ตลาดอาวุโสจาก City Index กล่าวว่า การที่จู่ๆ โมเดลเอไอต้นทุนต่ำตัวนี้ก็ออกสู่ตลาด มันทำให้คู่แข่งเกิดความกังวลเรื่องผลกำไร โดยเฉพาะอย่างยิ่ง เมื่อดูจากเม็ดเงินจำนวนมหาศาลที่พวกเขาได้ลงทุนไปในโครงสร้างเอไอของพวกเขา

ส่วนนาย เวย์-เซิร์น หลิง ที่ปรึกษาด้านความเสมอภาคทางเทคโนโลยีในสิงคโปร์ บอกกับ บีบีซี ว่า DeepSeek อาจทำให้การลงทุนในห่วงโซ่อุปทานเอไอทั้งหมดเปลี่ยนแปลงไปจากเดิม

แต่ Citigroup บริษัทธนาคารและการเงินยักษ์ใหญ่ของสหรัฐฯ ประเมินว่า ถึงแม้ DeepSeek จะสามารถท้าทายความเป็นเจ้าตลาดของบริษัทอเมริกันอย่าง OpenAI ได้ แต่ปัญหาหลายอย่างที่บริษัทจีนต้องเผชิญ จะขัดขวางการพัฒนาของพวกเขา

“เราประเมินว่าในสภาพแวดล้อมที่จำกัดอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้นั้น การที่สหรัฐฯ เข้าถึงชิประดับสูงได้มากกว่า จะเป็นข้อได้เปรียบ” รายงานของ Citigroup ระบุ

ติดตามข่าวต่างประเทศ : https://www.thairath.co.th/news/foreign

ที่มา : bbc