อัยการเกาหลีใต้สั่งฟ้องประธานาธิบดี ยุน ซอกยอล ข้อหาเป็นผู้นำการก่อกบฏ อย่างเป็นทางการแล้ว เพื่อควบคุมตัวเขาเอาไว้ในเรือนจำต่อไป

สำนักข่าวต่างประเทศรายงานว่า เมื่อวันอาทิตย์ที่ 26 ม.ค. 2568 อัยการเกาหลีใต้สั่งฟ้องประธานาธิบดี ยุน ซอกยอล อย่างเป็นทางการแล้ว ในข้อหาเป็นผู้นำการก่อกบฏ จากการที่เขาประกาศกฎอัยการศึกในคืนวันที่ 3 ธ.ค. 2567 ทำให้ประเทศตกอยู่ในความวุ่นวาย ก่อนที่สมาชิกรัฐสภาจะร่วมกันโหวตคว่ำคำสั่งของเขา

ทั้งนี้ หลังจากการประกาศกฎอัยการศึกไม่นาน รัฐสภาก็ลงมติถอดถอนนายยุนออกจากตำแหน่ง ทำให้เขาถูกพักจากการปฏิบัติหน้าที่ เพื่อรอให้ศาลรัฐธรรมนูญมีคำพิพากษาว่า จะถอดถอนเขาตามมติของรัฐสภาหรือไม่

ขณะเดียวกัน อัยการเกาหลีใต้กล่าวหานายยุน ว่าก่อการกบฏ จากการประกาศกฎอัยการศึกอย่างมิชอบด้วยกฎหมาย แต่นายยุนไม่ปฏิบัติตามหมายเรียกมาสอบปากคำ จนตำรวจต้องออกหมายจับเขา ซึ่งเจ้าหน้าที่ต้องพยายามบุกจับกุมตัวนายยุนที่กักตัวเองอยู่ภายในที่พักประธานาธิบดีถึง 2 ครั้งจึงจะสำเร็จ

นายยุนถูกนำตัวไปฝากขังที่ทัณฑสถานกรุงโซล ในเมืองอึยวัง ทางตอนใต้ของกรุงโซลเมื่อคืนวันพุธที่ 15 ม.ค. 2568 ทำให้เขากลายเป็นประธานาธิบดีในตำแหน่งคนแรกของเกาหลีใต้ที่ถูกขังคุก อย่างไรก็ตาม อัยการพยายามขอให้ศาลขยายระยะเวลาฝากขังนายยุนตามหมายจับระหว่างกระบวนการสืบสวน แต่ถูกศาลปฏิเสธถึง 2 ครั้ง

จนกระทั่งในวันอาทิตย์ที่ 26 ม.ค. 2568 อัยการเกาหลีใต้ก็ตัดสินใจสั่งฟ้องนายยุนอย่างเป็นทางการพร้อมกับคำสั่งควบคุมตัว และจะทำให้ประธานาธิบดีผู้นี้ต้องอยู่ในเรือนจำต่อไปจนกว่าการไต่สวนคดีของเขาจะเริ่มต้นขึ้น ซึ่งตามกฎหมายจะต้องเริ่มภายใน 6 เดือน

“หลังจากทบทวนหลักฐานอย่างกว้างขวางที่ได้รับมาระหว่างการสืบสวน อัยการก็ได้ข้อสรุปว่า เป็นเรื่องเหมาะสมที่จะสั่งฟ้องจำเลยอย่างเป็นทางการ” อัยการเกาหลีใต้ระบุในแถลงการณ์ “ความจำเป็นที่ต้องกักตัวนายยุนอยู่ในห้องขังต่อไป ได้รับการสนับสนุนจากความเสี่ยงที่หลักฐานจะถูกทำลายซึ่งเกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง”

...

อัยการบอกด้วยว่า ข้อหา เป็นผู้นำการก่อการกบฏ ไม่ครอบคลุมอยู่ในสิทธิ์คุ้มครองของประธานาธิบดี

ด้านทนายความของนายยุนปฏิเสธข้อกล่าวหาก่อกบฏ และยืนยันว่าจะต่อสู้กันในชั้นศาล “การประกาศกฎอัยการศึกของนายยุน ไม่สามารถถูกจำแนกได้ว่าเป็นการก่อกบฏ” “เราเชื่อว่าความจริงจะเป็นฝ่ายได้รับชัยชนะในศาลยุติธรรม”

ติดตามข่าวต่างประเทศ : https://www.thairath.co.th/news/foreign

ที่มา : cna