ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ทำให้ประเทศทั่วโลกเส้นกระตุกไปตามๆ กันเดาทางไม่ถูกว่า “ทรัมป์” จะเดินหมากอย่างไรต่อไป??
คาดเดาไม่ได้ว่า “ทรัมป์” จะเอา จริงๆ? หรือต้องการเล่นเกมข่มขู่เพื่อเจรจาต่อรอง?
โดยเฉพาะการประกาศจะตั้งกำแพงภาษีสินค้าขาเข้าจากทุกประเทศที่ได้ดุลการค้ากับสหรัฐอเมริกา
ยังไม่มีการเทกแอ็กชันอย่างชัดเจน
การประกาศจะขึ้นภาษีขาเข้าสินค้าจีน 60 เปอร์เซ็นต์ ถึง 100 เปอร์เซ็นต์
ก็ยังไม่เกิดขึ้นจริง
มีแต่การประกาศจะขึ้นภาษีขาเข้าจากเม็กซิโก และแคนาดา 25 เปอร์เซ็นต์ ตั้งแต่วันที่ 1 กุมภาพันธ์เป็นต้นไป
แต่ “ทรัมป์” ยังเปิดช่องให้มีการเจรจาต่อรองแบบทวิภาคี
หากเม็กซิโกและแคนาดายอมปฏิบัติตามเงื่อนไขที่ “ทรัมป์” ต้องการ
ทรัมป์ อาจลดหย่อนผ่อนปรนขึ้นภาษีเพียง 10 เปอร์เซ็นต์
หรืออาจไม่ขึ้นภาษีเลย!!
สรุปว่าการเจรจาต่อรองเป็นเกมที่ “ทรัมป์” เชี่ยวชาญ
เช่นเดียวกับการที่ “ทรัมป์” ขู่จะขึ้นภาษีสินค้าขาเข้าจากกลุ่มประเทศอียู ซึ่งเป็นพันธมิตรแนบแน่นของอเมริกา
สุดท้ายก็คงไปจบที่โต๊ะเจรจาต่อรองแบบเดียวกัน
สำหรับประเทศไทย แม้จะเป็นหุ้นส่วนเศรษฐกิจของอเมริกามายาวนานถึง 190 ปี ก็คงต้องเล่นเกมต่อรองกับ “ทรัมป์” ไม่ช้าก็เร็ว
“แม่ลูกจันทร์” มองแง่ดีว่าหาก “ทรัมป์” จะทุบโต๊ะขึ้นภาษีสินค้าเข้าจากไทย ซึ่งติดอันดับ 9 ของประเทศคู่ค้าที่ได้ดุลการค้ากับอเมริกา
“ทรัมป์” จะต้องขึ้นภาษีสินค้าขาเข้าจากเวียดนาม ที่เกินดุลการค้าอเมริกาเป็นอันดับ 3 รองจากจีนและเม็กซิโก
และ “ทรัมป์” ต้องขึ้นภาษีสินค้าขาเข้าจากมาเลเซีย อินโดนีเซีย และกัมพูชาที่เกินดุลการค้ากับพี่เบิ้มอเมริกาเช่นเดียวกับไทย
...
ข้อสำคัญ อเมริกาจะต้องขึ้นภาษีสินค้าขาเข้าจากไต้หวัน เกาหลีใต้ ญี่ปุ่น และอินเดีย ซึ่งเกินดุลการค้ากับอเมริกามากกว่าไทย
หาก “ทรัมป์” จะเลือกขึ้นภาษีสินค้าขาเข้าจากไทย แต่ละเว้นไม่ขึ้นภาษีขาเข้าจากประเทศอื่นๆที่ได้ดุลการค้ากับอเมริกา
จะเป็นการเลือกปฏิบัติและกีดกันทางการค้าไม่เป็นธรรม
“แม่ลูกจันทร์” เชื่อว่าประธานาธิบดีทรัมป์จะไม่มุทะลุบุ่มบ่ามขึ้นภาษีสินค้าเข้าอเมริกา เพื่อประโยชน์ของอเมริกาเพียงฝ่ายเดียว
แต่ “ทรัมป์” จะเปิดโอกาสให้ประเทศคู่ค้าได้เจรจาต่อรองให้ได้ข้อตกลงแบบวิน–วิน
เพื่อที่อเมริกาจะได้ประโยชน์มากขึ้น โดยประเทศคู่ค้าก็ไม่เสียประโยชน์มากเกินไป
ทีนี้ก็อยู่ที่ฝีมือทีมเจรจาของแต่ละประเทศว่าใครจะสามารถปกป้องผลประโยชน์ประเทศตัวเองได้เก่งกว่ากัน
สำหรับประเทศไทย “แม่ลูกจันทร์” เชื่อว่า คนที่จะ “คุย” กับ “ทรัมป์” ได้เนื้อได้น้ำมากที่สุด
น่าจะเป็น “อดีตนายกฯทักษิณ ชินวัตร ซึ่งเป็นเพื่อนเก่า” ทรัมป์มา ก่อนที่ “ทรัมป์” จะชนะเลือกตั้งเป็นประธานาธิบดี
แถมสไตล์ “ทักษิณ” กับ “ทรัมป์” ก็เอะอะมะเทิ่งใกล้เคียงกัน
เส้นทางการเมืองของ “ทรัมป์” กับ “ทักษิณ” ก็พลิกคว่ำพลิกหงายเป็นรถไฟเหาะตีลังกาแบบเดียวกัน
แต่ติดปัญหาเดียว ศาลสั่งห้าม “ทักษิณ” ออกนอกประเทศน่ะซีโยม.
"แม่ลูกจันทร์"
คลิกอ่านคอลัมน์ “สำนักข่าวหัวเขียว” เพิ่มเติม