นักวิจัยในสหรัฐฯชี้คนในวัยกลางคนที่ดื่มแอลกอฮอล์ เสี่ยงเกิดโรคต่างๆได้มากกว่าวัยรุ่น โดยพบว่าชาวอเมริกันอายุระหว่าง 35-50 ปี มีแนวโน้มดื่มแอลกอฮอล์หนักขึ้น
เตือนภัยนักดื่มวัยกลางคนที่ชอบดื่มแอลกอฮอล์ เสี่ยงที่จะเกิดโรคภัยต่างๆได้รุนแรงมากกว่านักดื่มที่ยังเป็นวัยรุ่น โดยผลวิจัยยังพบว่า ชาวอเมริกันอายุระหว่าง 35 ถึง 50 ปี ดื่มแอลกอฮอล์ในช่วงปี 2022 สูงสุดเป็นประวัติการณ์ โดยแพทย์กังวลเป็นพิเศษเกี่ยวกับการดื่มแอลกอฮอล์ที่เพิ่มขึ้นในกลุ่มผู้หญิงวัยกลางคน เพราะพบว่าผู้หญิงกลุ่มนี้มีแนวโน้มเป็นโรคตับและโรคหัวใจที่เกี่ยวข้องกับแอลกอฮอล์มากขึ้น
แม้ว่านักวิจัยยังไม่มีข้อมูลแน่ชัดว่าทำไมการดื่มแอลกอฮอล์ในวัยกลางคนจึงเพิ่มขึ้น แต่คาดว่าคนในช่วงวัยนี้ต้องเผชิญกับความกดดันจากการดูแลทั้งลูกและพ่อแม่ที่มีอายุมากขึ้น ความต้องการที่เพิ่มขึ้นในที่ทำงาน และระดับความเหงาที่สูงเป็นประวัติการณ์
โดยแนวโน้มนี้เป็นสิ่งที่น่ากังวล เพราะช่วงวัยกลางคน เป็นช่วงเวลาที่ร่างกายจะได้รับผลกระทบจากการดื่มแอลกอฮอล์ในระยะยาว เช่น โรคมะเร็งและโรคตับหรือโรคหัวใจเนื่องจากร่างกายไม่สามารถจัดการแอลกอฮอล์ได้ดีเหมือนเดิม และคนจำนวนมากมีโรคเรื้อรังที่อาจเลวร้ายลงจากการดื่มแอลกอฮอล์ แม้แต่การดื่มเพียง 1-2 แก้วก็สามารถเพิ่มอัตราการเต้นของหัวใจในระยะสั้น ซึ่งอาจเพิ่มความเสี่ยงต่อการเกิดโรคหัวใจวายหรือภาวะหัวใจล้มเหลว ผลกระทบเหล่านี้ยิ่งน่ากังวลสำหรับผู้ที่มีโรคหัวใจอยู่ก่อนแล้ว
แคทเธอรีน เคเยส ศาสตราจารย์ด้านระบาดวิทยาจากมหาวิทยาลัยโคลัมเบียกล่าวว่า สถานการณ์ตอนนี้ค่อนข้างน่ากังวลสำหรับคนวัยกลางคน เพราะยาที่มักใช้ในวัยกลางคน เช่น ยาละลายลิ่มเลือด อาจมีปฏิกิริยากับแอลกอฮอล์แม้ในปริมาณน้อย และทำให้เกิดภาวะแทรกซ้อนร้ายแรง เช่น เลือดออกภายใน
...
เมื่ออายุมากขึ้น ร่างกายจะจัดการกับแอลกอฮอล์ได้น้อย และความต้านทานต่อแอลกอฮอล์จะลดลง ตับต้องทำงานหนักขึ้นเพื่อเผาผลาญแอลกอฮอล์ การสูญเสียมวลกล้ามเนื้อซึ่งเริ่มตั้งแต่อายุ 30 ปี ทำให้บางคนไวต่อผลกระทบของแอลกอฮอล์มากขึ้น ยิ่งถ้ามีการดื่มหนักจะทำให้แอลกอฮอล์คงอยู่ในกระแสเลือดนานขึ้น ซึ่งอาจนำไปสู่ระดับแอลกอฮอล์ในเลือดที่สูงขึ้นและทำให้เกิดอาการมึนเมาเร็วขึ้น ซึ่งอาจนำไปสู่อุบัติเหตุ เช่น การล้มและการบาดเจ็บต่างๆ ด้วย.
ที่มา : channelnewsasia
คลิกอ่านข่าวเกี่ยวกับ แอลกอฮอล์