ผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (จีดีพี) ของจีน ขยายตัว 5% ในปี 2024 โดยได้แรงหนุนจากการเติบโตในไตรมาส 4 รวมถึงการที่รัฐบาลออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจครั้งใหญ่
เศรษฐกิจจีนปิดปี 2024 ได้ดีเกินคาดด้วยมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจขนานใหญ่ แม้ว่าความเสี่ยงจากสงครามการค้าครั้งใหม่กับสหรัฐฯ และอุปสงค์ภายในประเทศที่อ่อนแอ อาจส่งผลกระทบต่อความเชื่อมั่นในการฟื้นตัวโดยรวมในปีนี้
โดยการส่งออกซึ่งเป็นสิ่งที่จีนทำได้ดีมาโดยตลอด อาจเผชิญอุปสรรคเนื่องจากว่าที่ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ของสหรัฐฯ ซึ่งเสนอภาษีศุลกากรสินค้าจีนจำนวนมาก เตรียมกลับมารับตำแหน่งในสัปดาห์หน้า
สำนักงานสถิติแห่งชาติจีน เปิดเผยวันนี้ (17 ม.ค.) ว่า สำหรับทั้งปี 2024 จีนซึ่งมีขนาดเศรษฐกิจที่ใหญ่เป็นอันดับสองของโลก เติบโต 5.0% ซึ่งบรรลุเป้าหมายการเติบโตประจำปีของรัฐบาลที่ประมาณ 5% ขณะที่นักวิเคราะห์คาดการณ์การเติบโตไว้ที่ 4.9%
โดยเศรษฐกิจเติบโต 5.4% ในไตรมาสที่ 4 เมื่อเทียบจากปีก่อน ดีกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้มาก และถือเป็นการเติบโตเร็วที่สุดนับตั้งแต่ไตรมาสที่ 2 ปี 2023
นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่าผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (จีดีพี) ในไตรมาสที่ 4 จะขยายตัว 5.0% จากปีก่อน เร่งตัวขึ้นจากอัตรา 4.6% ในไตรมาสที่ 3 ขณะที่มาตรการสนับสนุนต่างๆ เริ่มมีผล เฟรเดอริก นอยมันน์ หัวหน้านักเศรษฐศาสตร์เอเชียของ HSBC ในฮ่องกงกล่าวว่า "เศรษฐกิจของจีนกำลังแสดงสัญญาณการฟื้นตัว นำโดยผลผลิตภาคอุตสาหกรรมและการส่งออก"
อย่างไรก็ตาม เขากล่าวเสริมว่า ตัวเลขจีดีพีที่แข็งแกร่งในไตรมาสที่แล้วอาจได้รับแรงสนับสนุนจากการจัดส่งสินค้าไปยังสหรัฐฯ ล่วงหน้า ซึ่งจะนำไปสู่การคืนทุนอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ โดยการผลิตและการส่งออกลดลงเมื่อการเก็บภาษีเริ่มมีผล "เนื่องจากการส่งออกอยู่ภายใต้แรงกดดันในปี 2568 ซึ่งถูกฉุดให้ลดลงจากข้อจำกัดการนำเข้าของสหรัฐฯ จะทำให้มีความจำเป็นต้องใช้มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจภายในประเทศมากขึ้น"
...
เศรษฐกิจของจีนต้องต้องพยายามเร่งฟื้นตัวหลังจากการระบาดของโควิด-19 ท่ามกลางวิกฤตอสังหาริมทรัพย์ที่ยืดเยื้อ หนี้ในประเทศที่เพิ่มสูงขึ้น และความต้องการของผู้บริโภคที่อ่อนแอ ซึ่งส่งผลกระทบอย่างหนักต่อกิจกรรมทางเศรษฐกิจ
ผู้กำหนดนโยบายได้ให้คำมั่นว่าจะกระตุ้นเศรษฐกิจเพิ่มเติมในปีนี้ แต่บรรดานักวิเคราะห์กล่าวว่าขอบเขตและขนาดของการดำเนินการของจีนอาจขึ้นอยู่กับว่านายโดนัลด์ ทรัมป์ จะบังคับใช้มาตรการภาษีหรือมาตรการลงโทษอื่นๆ อย่างรวดเร็วและเข้มงวดเพียงใด
แม้ว่าการส่งออกที่แข็งแกร่งจะผลักดันให้ดุลการค้าของประเทศเกินดุลสูงสุดเป็นประวัติการณ์ที่ 992,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ในปีที่แล้ว แต่สกุลเงินหยวนก็ตกอยู่ภายใต้แรงกดดันในการขาย อิทธิพลของเงินดอลลาร์ อัตราผลตอบแทนพันธบัตรจีนที่ลดลง และภัยคุกคามจากอุปสรรคการค้าที่สูงขึ้นทำให้ค่าเงินหยวนแตะระดับต่ำสุดในรอบ 16 เดือน
ข้อมูลเศรษฐกิจเดือนธันวาคมหลายฉบับเมื่อวันศุกร์บ่งชี้ว่าเศรษฐกิจเริ่มฟื้นตัวก่อนเข้าสู่ปีใหม่ โดยได้รับความช่วยเหลือจากมาตรการสนับสนุนจากรัฐบาล
ข้อมูลของสำนักงานสถิติฯ แสดงให้เห็นว่าแม้แต่ภาคอสังหาริมทรัพย์ก็เห็นสัญญาณการฟื้นตัว เนื่องจากราคาบ้านใหม่ในเดือนธันวาคมทรงตัวเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่เดือนมิถุนายน 2023 แต่สำหรับทั้งปี การลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ลดลง 10.6% จากปีก่อน ซึ่งถือเป็นการลดลงประจำปีครั้งใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์
ผลผลิตภาคอุตสาหกรรมเติบโต 6.2% จากปีก่อนในเดือนธันวาคม เพิ่มขึ้นจากอัตรา 5.4% ในเดือนพฤศจิกายน และดีกว่าที่คาดการณ์ไว้ว่าจะเพิ่มขึ้น 5.4% จากการสำรวจของรอยเตอร์ ซึ่งถือเป็นการเติบโตที่เร็วที่สุดตั้งแต่เดือนเมษายนของปีที่แล้ว
ยอดขายปลีก ซึ่งเป็นมาตรวัดการบริโภค เพิ่มขึ้น 3.7% ในเดือนที่แล้ว เร่งตัวขึ้นจากอัตรา 3.0% ในเดือนพฤศจิกายน เนื่องจากผู้บริโภคเริ่มเตรียมตัวสำหรับวันหยุดตรุษจีนยาว 8 วันในเดือนมกราคม
เนื่องจากธุรกิจต่างๆ ยังคงระมัดระวังในการเพิ่มจำนวนคนงานก่อนถึงเทศกาล และมีความกังวลเกี่ยวกับข้อพิพาททางการค้าที่อาจเกิดขึ้นกับสหรัฐฯ อัตราการว่างงานตามการสำรวจทั่วประเทศจึงพุ่งขึ้นเป็น 5.1% ในเดือนธันวาคม จาก 5.0% ในเดือนพฤศจิกายน.
ที่มา Reuters
อ่านข่าวเพิ่มเติม https://www.thairath.co.th/news/foreign