ไฟป่า LA : เหตุไฟป่าหลายจุดใกล้ลอสแอนเจลิสทำให้มีผู้เสียชีวิตแล้ว 11 ศพ เจ้าหน้าที่ต้องสั่งอพยพประชาชนเพิ่มเติม และประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินด้านสุขภาพเนื่องจากควันไฟ

ในวันเสาร์ที่ 11 ม.ค. 2568 เจ้าหน้าที่ดับเพลิงจำนวนหลายพันคนในรัฐแคลิฟอร์เนีย กำลังพยายามรับมือไฟป่า 6 จุด ที่เกิดขึ้นใกล้กับนครลอสแอนเจลิส โดยไฟป่าแห่งล่าสุดเกิดขึ้นเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา (10 ม.ค.) มีชื่อว่า “ไฟป่าอาร์เชอร์” (Archer Fire) ซึ่งตอนนี้ยังไม่อาจควบคุมเพลิงได้

ตลอดช่วงหลายวันที่ผ่านมา เจ้าหน้าที่ดับเพลิงเริ่มมีความคืบหน้าในการควบคุมไฟป่าจุดที่ใหญ่ที่สุดอย่าง “ไฟป่าแพลลิเสด” (Palisades Fire) ซึ่งนักดับเพลิงกว่า 3,700 นายกำลังรับมืออยู่ โดยควบคุมเพลิงได้แล้ว 11% หลังจากมันเผาผลาญพื้นที่ไปแล้วมากกว่า 21,000 เอเคอร์ สิ่งปลูกสร้างถูกทำลายหรือเสียหายมากกว่า 5,000 หลัง

ส่วน “ไฟป่าอีตัน” (Eaton Fire) ซึ่งขณะนี้กินพื้นที่มากกว่า 14,000 เอเคอร์ ถูกควบคุมได้แล้ว 15% หลังเจ้าหน้าที่เกือบ 3,000 นายปฏิบัติหน้าที่ติดต่อกันหลายวัน โดยคาดกันว่าไฟป่านี้ทำลายสิ่งปลูกสร้างไปแล้วมากกว่า 7,000 หลัง

...

ด้าน “ไฟป่าลิเดีย” (Lidia Fire) ซึ่งมีขนาดเกือบ 400 เอเคอร์ ถูกควบคุมได้โดยสมบูรณ์แล้ว ขณะที่ “ไฟป่าเคนเนธ” (Kenneth Fire) กับ “ไฟป่าเฮิร์สต์” (Hurst Fires) ถูกควบคุมได้เกิน 75% โดยในตอนนี้พวกมันมีขนาดประมาณ 1,000 เอเคอร์ กับ 800 เอเคอร์ตามลำดับ

อย่างไรก็ตาม สำนักงานดับเพลิงนครลอสแอนเจลิสออกคำสั่งอพยพเพิ่มเติมใกล้ไฟป่าแพลลิเสด โดยสั่งให้ประชาชนออกจากพื้นที่ที่ติดกับถนนหลวงชายฝั่งแปซิฟิก (Pacific Coast Highway) ทางตอนใต้, ติดอ่างเก็บน้ำเอ็นซิโน (Encino) ทางตอนเหนือ, ติดถนนฟรีเวย์ 405 ทางตะวันออก และติดกับแมนเดวิลล์ แคนยอน ทางตะวันตก

โดยสำนักงานดับเพลิงเตือนว่า พื้นที่ดังกล่าวมีอันตรายที่อาจเป็นภัยต่อชีวิตอย่างปัจจุบันทันด่วน อนึ่งจำนวนผู้เสียชีวิตจากเหตุไฟป่ารอบนครลอสแอนเจลิสทำให้มีผู้เสียชีวิตแล้วอย่างน้อย 11 ศพ

เจ้าหน้าที่ของลอสแอนเจลิสยังประกาศภาวะฉุกเฉินด้านสุขภาพระดับท้องถิ่น เนื่องจากควันไฟป่าปกคลุมทำให้คุณภาพอากาศย่ำแย่ลง ขณะที่ผู้ว่าการรัฐแคลิฟอร์เนีย เรียกร้องให้มีการตั้งคณะกรรมการสืบสวนอิสระ เพื่อหาสาเหตุที่หัวจ่ายน้ำดับเพลิงไม่มีน้ำออกมา จนขัดขวางปฏิบัติการต่อต้านไฟป่าที่ลอสแอนเจลิส

ติดตามข่าวต่างประเทศ : https://www.thairath.co.th/news/foreign

ที่มา : bbc